ประวัติความเป็นมาของบริษัท

  • เหตุการณ์สำคัญในปี 2565

    ในส่วนของการจัดอันดับเครดิตองค์กรนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด (“ทริสเรทติ้ง”) ได้คงอันดับเครดิตองค์กรของบริษัทที่ระดับ A+ ซึ่งสะท้อนถึงสถานะผู้นำในตลาดเครื่องดื่มชาพร้อมดื่มในประเทศไทย ตราสินค้าที่เป็น ที่รู้จักอย่างดี เครือข่ายการจัดจำหน่ายสินค้าทั่วประเทศที่ครอบคลุม การวิจัยออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ดี และฐานะทางการเงิน ที่แข็งแกร่ง โดยได้ให้แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหมายของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงสถานะเป็นบริษัทที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ของบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) อีกทั้งจะยังคงรักษาสถานะ ในตลาดชาพร้อมดื่มและร้านอาหารและสร้างผลการดำเนินงานที่ดีอย่างต่อเนื่องต่อไป

    บริษัทยังคงให้ความสำคัญอย่างยิ่งในความเป็นผู้นำในธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มด้วยรางวัล อันทรงคุณค่าต่าง ๆ ที่ได้รับ อันได้แก่ รางวัล “Thailand's Most Admired Brand 2022” ในฐานะแบรนด์ที่ครองความน่าเชื่อถืออันดับ 1 ในหมวดชาพร้อมดื่มซึ่งเป็นรางวัลที่ได้รับเป็นปีที่ 11 ติดต่อกัน

    นอกจากนี้ ในปีที่ผ่านมาบริษัทยังมีพัฒนาการด้านการดำเนินธุรกิจที่สำคัญในแต่ละสายธุรกิจ ดังนี้

    ธุรกิจเครื่องดื่ม

    ในปี 2564 และ 2565 บริษัทมีการพัฒนาและออกจำหน่ายผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่องโดยมุ่งเน้นไปที่กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อสุขภาพด้วยการเปิดตัวนวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ที่เน้นด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ในฐานะผู้นำตลาดชาเขียวสไตล์ญี่ปุ่นอย่างแท้จริง โดยในช่วงปีที่ผ่านมา บริษัทได้มีเหตุการณ์ที่สำคัญเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และกิจกรรมต่างๆ ดังต่อไปนี้

    1. สร้างสรรนวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การดูแลสุขภาพ “โออิชิ กรีนที ฮันนี่ เลมอน น้ำตาล 0%” แจ้งเกิดเซ็กเมนต์ใหม่ชาเขียวพร้อมดื่มน้ำตาล 0% ภายใต้แนวคิด “ดีต่อสุขภาพ รสชาติอร่อยแต่ไร้น้ำตาล” ประเดิมด้วย “รสฮันนี่ เลมอน” ที่เป็นรสที่ขายดีที่สุดของโออิชิและตลาดชาพร้อมดื่ม เปิดตัวไปแล้วเมื่อเดือนเมษายน 2565 โดยได้ สาวสวยสุขภาพดี ตัวแทนคนรุ่นใหม่มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ ปลุกกระแสการดูแลสุขภาพร่วมกับกลุ่ม KOL และศิลปินนักแสดง ที่มีไลฟ์สไตล์ใส่ใจในสุขภาพ” โออิชิ กรีนที ฮันนี่ เลมอน น้ำตาล 0% ได้รับการตอบรับที่ดีมากทั้งเรื่องความอร่อยสดชื่น ดีต่อสุขภาพเพราะหวานน้อยกำลังดีด้วยสารให้ความหวานที่ได้จากธรรมชาติ จึงดื่มได้บ่อยแบบไม่ต้องกังวลเรื่องน้ำตาล ผลิตจากยอดอ่อนใบชาคุณภาพสูง อุดมไปด้วยประโยชน์จากคาเทชิน และมีกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ของน้ำผึ้งแท้ เฮียกขะมิทสึจากประเทศญี่ปุ่นอร่อยลงตัวกับความเปรี้ยวของเลมอนชั้นดี ที่สำคัญมีสารคาเทชิน จากใบชาคุณภาพ โดยสารคาเทชินสามารถช่วยต้านอนุมูลอิสระ เสริมภูมิคุ้มกันและชะลอความเสื่อมของร่างกาย
    2. เพิ่มปริมาณการบริโภคกับกลุ่มวัยทีน ด้วยกิจกรรมและแคมเปญทางการตลาดที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ความชื่นชอบของคนรุ่นใหม่โดยเฉพาะวัยทีน จับมือพันธมิตรด้านต่างๆ เช่น จับมืออนิเมะสุดฮิตระดับโลกจากญี่ปุ่น อย่าง “ดาบพิฆาตอสูร” หรือ Demon Slayer ออกแบบบรรจุภัณฑ์โออิชิจากตัวละครดาบพิฆาตอสูรสุดฮิต
    3. สร้างการมีส่วนร่วมกับผู้บริโภค ในการสื่อสารผ่านช่องทางออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม รวมทั้งแอปพลิเคชั่น “โออิชิ คลับ” ที่เน้นความแปลกใหม่และเร็วทันเทรนด์ความนิยมในแต่ละช่วงเวลา สร้างความน่าสนใจให้กับกิจกรรมและโปรโมชั่นต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

    ธุรกิจอาหาร

    ธุรกิจร้านอาหาร

    ในปี 2565 กลุ่มบริษัทโออิชิ ได้พัฒนาและยกระดับสินค้าและการให้บริการ โดยเปิดให้บริการ แบรนด์ใหม่ 2 แบรนด์คือ “โออิชิบิซโทโระ” และ “ชาบู บาย โออิชิ” ในส่วนของ “โฮวยู” ได้เปิดตัวสาขาแนวคิดใหม่ ณ ศูนย์ การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยมีรายละเอียดดังนี้

    1. โออิชิบิซโทโระ (8 สาขา)
      ร้านอาหารญี่ปุ่นที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ด้วยอาหารแนว Fast Casual ในบรรยากาศสบายๆ ภายใต้แนวคิดที่จะเพิ่มคุณภาพชีวิต ด้วยอาหารญี่ปุ่นรสชาติอร่อยที่คุณคุ้นเคย จัดเต็มด้วยวัตถุดิบ ที่คัดสรรมาอย่างดี อร่อยเส้น อิ่มข้าว ฟินเหมือนกินที่ญี่ปุ่น ในราคาที่เข้าถึงง่าย ช่วงราคา 79 - 219 บาท

    2. ชาบู บาย โออิชิ (2 สาขา) จุดเด่นด้านคุณภาพ ให้ได้สัมผัสความอร่อยของวัตถุดิบอย่างเต็มรสชาติ ตามตำรับชาบู ชาบู แบบญี่ปุ่นแท้จริง ด้วยวัตถุดิบที่ได้รับการคัดสรรอย่างลงตัว ให้บริการทั้งแบบอะลาคาร์ท และแบบเซ็ตเมนูครบชุด ในราคาที่เข้าถึงได้ พร้อมเน้นย้ำความอร่อย ปลอดภัยด้วย หม้อชาบู ชาบู ส่วนตัว หรือหม้อเดี่ยว พร้อมสร้างความแตกต่าง น่าตื่นเต้น และมอบความอร่อยผ่านนวัตกรรมและเทคโนโลยีอันทันสมัยที่สอดแทรกอยู่ในการบริการ โดยไฮไลท์อยู่ที่การจัดเสิร์ฟอาหารด้วยระบบส่งอาหารด่วนอัตโนมัติหรือสายพานรถไฟ รวดเร็ว ลดสัมผัส ส่งตรงถึงโต๊ะ รวมทั้งระบบการสั่งอาหารด้วยตัวเองผ่านการสแกนคิวอาร์โค้ดด้วยโทรศัพท์มือถือส่วนตัวและระบบการชำระเงินแบบไร้สัมผัส

    3. ร้านโออิชิ ราเมน
      ได้มุ่งเน้นการพัฒนาเมนูใหม่เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โดยยังคงรักษาความเป็นผู้เชี่ยวชาญ เรื่องเส้นราเมน ในรูปแบบราเมนน้ำ ราเมนผัดแห้งและราเมนเย็น อีกทั้งได้พัฒนารูปแบบการบริการใหม่ โดยผนวกรวมจุดเด่นของโออิชิ ราเมน และคาคาชิภายใต้คอนเซ็ปต์ ราเมน x คาคาชิ

    4. ร้านโฮวยู สาขา ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
      ร้านอาหารญี่ปุ่นขนานแท้ ส่งมอบประสบการณ์ผ่านเมนูอาหารญี่ปุ่น ยอดนิยมที่หลากหลาย อาทิ ซาชิมิ (ปลาดิบ) และซูชิ ชาบูชาบู สุกี้ยากี้ เทมปุระ อุด้ง ฯลฯ โดยแต่ละเมนูล้วนสื่อถึงรสชาติความดั้งเดิมของญี่ปุ่นและคัดสรรเพิ่มความสุขจากเดิมด้วย ชุดพิเศษโกเซ็นและไคเซกิ เพราะเราพิถีพิถันเป็นอย่างมากในการคัดสรรวัตถุดิบ อย่างดีที่นำมาใช้ ไปจนถึงการปรุงแต่งรสชาติ ที่เน้นรสสัมผัสของรสชาติจากวัตถุดิบเป็นหลัก ให้คุณได้ลิ้มลองและหลงใหลมนต์เสน่ห์แบบญี่ปุ่นได้แล้วที่โฮวยู


    ธุรกิจอาหารพร้อมรับประทาน

    กลุ่มบริษัทโออิชิถือเป็นผู้นำด้านอาหารญี่ปุ่นและการพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์รายหนึ่งในประเทศไทย กลุ่มบริษัทโออิชิมีการพัฒนาและนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่มีคุณภาพและความหลากหลายทั้งในด้านรูปแบบ รสชาติ และบรรจุภัณฑ์ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งการขยายฐานการตลาดและจัดกิจกรรมทางการตลาดเพื่อกระตุ้นยอดขายสินค้าและสร้างการรับรู้ในตราสินค้าให้กว้างขวางมากยิ่งขึ้น โดยในช่วงปี 2565 ที่ผ่านมามีเหตุการณ์สำคัญเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และกิจกรรมต่าง ๆ ดังต่อไปนี้

    1. สร้างการรับรู้และการจดจำตราสินค้าเป็นหนึ่งเดียวภายใต้ตรา “Oishi Eato” “โออิชิ อีทโตะ” โดยอาศัยภาพลักษณ์จากตราโออิชิที่แข็งแกร่งและเป็นผู้นำในตลาดอาหารและเครื่องดื่มมายาวนานถึง 20 ปี โออิชิ อีทโตะ ตั้งเป้าหมายที่จะเติบโตเป็นผู้นำตลาดอาหารพร้อมทานสไตล์ญี่ปุ่น ด้วยการผลักดันสื่อโฆษณาสินค้าที่มียอดขายดี อย่างเกี๊ยวซ่าและแซนวิชที่เป็นเจ้าตลาดมาอย่างยาวนาน ด้วยการวางแผนสื่อการตลาดในช่องทางที่กลุ่มวัยรุ่นสนใจ เช่น สื่อออนไลน์ ชุมชนออนไลน์ และเสริมด้วยกิจกรรม ณ จุดขาย เพื่อเน้นย้ำความอร่อยและมีคุณภาพดีของโออิชิ อีทโตะ
    2. พัฒนาสินค้ารสชาติใหม่ ๆ ที่มีความน่าสนใจเพื่อนำเสนอความหลากหลาย ให้แก่ผู้บริโภคในทุกกลุ่มสินค้า ได้แก่ กลุ่มราเมนผัดที่มี 2 รสชาติใหม่ ยากิโซบะหมู และราเมนผัดซอสสุกี้ กลุ่มเกี๊ยวซ่ามีรสชาติใหม่ เกี๊ยวซ่าไส้หมูย่างน้ำจิ้มแจ่วโชยุ และมีสินค้ากลุ่มใหม่วางจำหน่าย ได้แก่ กิมจิผักกาดขาว ที่ได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้บริโภค
    3. การพัฒนาและออกจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพในกลุ่มแซนวิช ได้แก่ การเพิ่มรสชาติใหม่ในกลุ่มแซนวิชสูตรผสมธัญพืชอย่างต่อเนื่อง อาทิ ไส้สไปซี่ทูน่าและยำสาหร่าย และ ไส้สลัดไก่ไข่ต้ม อีกทั้งยังพัฒนา แซนวิชเพื่อสุขภาพกลุ่มใหม่ที่ผสมเวย์โปรตีนคุณภาพจากประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ให้คุณค่าโปรตีนสูง และยิ่งไปกว่านั้นเพื่อตอบสนองกระแสความต้องการและไลฟ์สไตล์ของกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่ที่ใส่ใจในสุขภาพ โออิชิ อีทโตะ ได้มุ่งเน้นการคัดเลือกวัตถุดิบและสูตรสินค้าที่ให้คุณประโยชน์สูงสุดแก่ผู้บริโภค อาทิ กลุ่มแซนวิชหลาย ๆ รสชาติที่เป็นแหล่งของโปรตีน และใช้วัตถุดิบที่มีดีต่อสุขภาพ ได้แก่ ควินัว
    4. เปิดตัวกลุ่มธุรกิจใหม่ โออิชิซอสและน้ำจิ้ม เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคที่หันมาทำอาหารที่บ้านมากขึ้น ได้แก่ ซอสโชยุ ซอสเทอริยากิ น้ำจิ้มสุกี้ยากี้ ซอสยากินิกุ ซอสยูสุพอนสึ ซอสเกี๊ยวซ่า และ น้ำซุปสุกี้ยากี้
    5. มุ่งเน้นการรักษาฐานลูกค้าเดิมสำหรับช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าประเภทเกี๊ยวซ่า แช่แข็งสำเร็จรูปในต่างประเทศ และศึกษาช่องทางการจัดจำหน่ายใหม่เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับในปี 2566 ที่จะขยายตลาดส่งออกไปยังประเทศในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก
  • เหตุการณ์สำคัญในปี 2564

    บริษัทยังคงตอกย้ำความเป็นผู้นำในธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มด้วยรางวัลอันทรงคุณค่าต่าง ๆ ที่ได้รับ อันได้แก่ รางวัล "Thailand's Most Admired Brand 2021" ในฐานะแบรนด์ที่ครองความน่าเชื่อถืออันดับ 1 ในหมวดชาพร้อมดื่มซึ่งเป็นรางวัลที่ได้รับเป็นปีที่ 10 ติดต่อกัน

    ในส่วนของการจัดอันดับเครดิตองค์กรนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ("ริสเรทติ้ง") ได้คงอันดับเครดิตองค์กรของบริษัทที่ระดับ A+ ซึ่งสะท้อนถึงสถานะผู้นำในตลาดเครื่องดื่มชาพร้อมดื่มในประเทศไทย ตราสินค้าที่เป็นที่รู้จักอย่างดี เครือข่ายการจัดจำหน่ายสินค้าทั่วประเทศที่ครอบคลุมการวิจัยออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ดี และฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง โดยได้ให้แนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" สะท้อนถึงความคาดหมายของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงสถานะเป็นบริษัทที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ของบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) อีกทั้งจะยังคงรักษาสถานะในตลาดชาพร้อมดื่มและร้านอาหาร และสร้างผลการดำเนินงานที่ดีอย่างต่อเนื่องต่อไป นอกจากนี้ในปีที่ผ่านมาบริษัทยังมีพัฒนาการด้านการดำเนินธุรกิจที่สำคัญในแต่ละสายธุรกิจ ดังนี้

    ธุรกิจเครื่องดื่ม

    ในปี 2563 และ 2564 บริษัทมีการพัฒนาและออกจำหน่ายผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่องโดยมุ่งเน้นไปที่กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อสุขภาพด้วยการเปิดตัวนวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ที่เน้นด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ในฐานะผู้นำตลาดชาเขียวสไตล์ญี่ปุ่นอย่างแท้จริง โดยในช่วงปีที่ผ่านมา บริษัทได้มีเหตุการณ์ที่สำคัญเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และกิจกรรมต่าง ๆ ดังต่อไปนี้

    1. พัฒนาและออกผลิตภัณฑ์ชาเขียวพร้อมดื่ม ภายใต้ชื่อผลิตภัณฑ์ โออิชิ กรีนที พลัส ซี เครื่องดื่มชาเขียวสไตล์ญี่ปุ่น โดยมี 2 รสชาติให้เลือก ได้แก่ กลิ่นส้ม ผสมวุ้นมะพร้าวและวิตามินซีและกลิ่นองุ่นเคียวโฮ ผสมวุ้นมะพร้าวและวิตามินชี ผลิตภัณฑ์ที่เน้นการนำนวัตกรรมใหม่ผสานคุณประโยชน์จากชาเขียวและวิตามินซี 200%
    2. ในเดือนพฤษภาคม 2564 บริษัทได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์โออิชิ โกลด์ วาโคฉะ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดในกลุ่มชาระดับพรีเมียมที่อัดแน่นไปด้วยส่วนผสมที่มีคุณภาพพร้อมคุณประโยชน์จุดเด่นของผลิตภัณฑ์นี้อยู่ที่สาร "ทีเอฟลาวิน" ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระโพลีฟีนอลที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ในระหว่างกระบวนการหมัก ซึ่งมีเฉพาะในชาวโคฉะ ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าช่วยกระตุ้นกระบวนการเผาผลาญไขมัน นอกจากนี้ ยังมีส่วนผสมของไฟเบอร์ถึง 6,000 มก. ซึ่งเป็นสารอาหารที่สำคัญอีกชนิดที่ช่วยเรื่องระบบย่อยอาหาร ส่งผลให้มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง ใบชาวโคฉะนี้ไม่ได้มีแค่ตามช่วงฤดูกาลเท่านั้น แต่ยังผ่านการคัดสรรมาอย่างดี เพื่อให้แน่ใจว่าจะให้กลิ่นหอมตามธรรมชาติและรสชาติที่เข้มข้น กลมกล่อม ผลิตภัณฑ์มีให้เลือก 2 รสชาติ คือ สูตรเลมอน ดีไลท์ รสเปรี้ยวตัดกับความเข้มของชาแบบลงตัว หวานน้อยแคลอรี่ต่ำ และสูตรไม่มีน้ำตาล ได้ความเข้มของชาแบบเต็ม ๆ ไม่มีน้ำตาลและมีแคลอรี่ต่ำ
    3. พัฒนาและเปิดตัวผลิตภัณฑ์ โออิชิ ชาคูลล์ซ่า กลิ่นองุ่นเคียวโฮ เพื่อขยายกลุ่มผู้บริโภควัยรุ่นและเพิ่มโอกาสใหม่ในการดื่ม ผลิตภัณฑ์นี้มาในกลิ่นองุ่นเคียวโฮ ที่มีกลิ่นหอม และยังได้คุณประโยชน์ของชาเขียวธรรมชาติ เพื่อตอบสนองความต้องการและแนวโน้มความนิยมในผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่เพิ่มมากขึ้น ได้รับการรับรองด้วยสัญลักษณ์ "ทางเลือกสุขภาพ" (Healthier Choice) ผู้บริโภคสามารถเพลิดเพลินกับชาเขียวโซดาพร้อมคุณประโยชน์ที่ดีต่อสุขภาพ

    ธุรกิจอาหาร

    ธุรกิจร้านอาหาร

    ในปี 2564 กลุ่มบริษัทโออิชิ ได้พัฒนาและยกระดับสินค้าและการให้บริการภายในร้านอาหารแบรนด์ต่าง ๆ ของกลุ่มบริษัทโออิชิ ดังนี้

    1. ร้านโออิชิ อีทเทอเรียม ให้บริการภายใต้แนวคิดที่ผสมผสาน 3 องค์ประกอบอย่างลงตัว ได้แก่ "EAT -EXPLORE - PREMIUM" โดยนำเสนออาหารญี่ปุ่นรสชาติเยี่ยมจากวัตถุดิบชั้นดี และส่วนผสมของความคิดสร้างสรรค์ใหม่ ๆ ผสานวัฒนธรรมการกินของญี่ปุ่นอย่างลงตัว ดื่มด่ำกับมหัศจรรย์ของอาหารญี่ปุ่น ผ่านรูป รส กลิ่น เสียง และสัมผัสอย่างครบครันกับประสบการณ์ครั้งแรกของการรับประทานอาหารญี่ปุ่นที่เปิดโอกาสให้ได้ลอง ได้ทำ ได้สัมผัสประสบการณ์ในบรรยากาศแบบญี่ปุ่นแท้ ๆ
      ปี 2564 ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ร้านได้ปรับรูปแบบการให้บริการแบบไร้สัมผัสโดยการนำคิวอาร์ออร์เดอร์ มาใช้ในการสั่งอาหารและการชำระเงิน และเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่ไม่สามารถเดินทางไปต่างประเทศได้ โออิชิอีทเทอเรียมได้นำวัตถุดิบปูยักษ์ญี่ปุ่นมาให้บริการ

    2. ร้านชาบูชิ ภายใต้แนวคิด "Shabushi and So Much More ชาบู ซูชิ และอีกมากมายล้นสายพาน" เน้นการสร้างคุณค่าและความหลากหลายของรายการอาหารพร้อมนำเสนอเมนูใหม่สไตล์ญี่ปุ่นทุก ๆ 3 เดือน เพื่อเป็นการกระตุ้นตลาดอย่างต่อเนื่องและได้เพิ่มระดับราคาโกลด์ และพรีเมียม ในบางสาขาที่มีกำลังซื้อสูง เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ให้กับกลุ่มพรีเมียม ที่มองหาความพิเศษที่แตกต่าง

    3. ร้านโออิชิ ราเมน ได้มุ่งเน้นการพัฒนาเมนูใหม่เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โดยยังคงรักษาความเป็นผู้เชี่ยวชาญ เรื่องเส้นราเมน ในรูปแบบราเมนน้ำ ราเมนผัดแห้งและราเมนเย็น อีกทั้งได้พัฒนารูปแบบการบริการใหม่ โดยผนวกรวมจุดเด่นของโออิชิ ราเมน และคาคาชิภายใต้คอนเซ็ปต์ ราเมน x คาคาชิ

    4. ร้านคาคาชิ ร้านอาหารบริการด่วนหรือคิวเอสอาร์ (Quick Service Restaurant "QSR") กับแนวคิดที่เน้นความอร่อย สะดวก คุ้มค่าคุ้มราคา ในรูปแบบของข้าวหน้าล้น เพิ่มปริมาณเนื้อสองเท่า (x2) เน้นรูปลักษณ์การทานแบบจูใจ เช่น ข้าวหน้าหมูสไปซี่ไข่ออนเซนข้าวหน้าหมูย่างมิโชะ และพัฒนาเมนูที่ออกใหม่ ได้แก่ ข้าวหน้าล้นหมูย่างพริกกระเทียม ข้าวหน้าล้นไข่ข้นมันปู ฯลฯ มาพร้อมอาหารทานเล่นหลากหลายในสไตล์อิซากายะ เพื่อตอบโจทย์อาหารจานด่วนที่คุ้มค่าคุ้มราคาให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป
    5. ร้านโฮวยู ร้านอาหารญี่ปุ่นขนานแท้ ส่งมอบประสบการณ์ผ่านเมนูอาหารญี่ปุ่นยอดนิยมที่หลากหลาย อากิ ซาชิมิ (ปลาดิบ) และซูชิ ชาบู ชาบู สุกี้ยากี้ เทมปุระ อุด้ง ฯลฯ โดยแต่ละเมนูล้วนสื่อถึงรสชาติความดั้งเดิมของญี่ปุ่นเพราะเราพิถีพิดันเป็นอย่างมากในการคัดสรรวัตถุดิบอย่างดีที่นำมาใช้ ไปจนถึงการปรุงแต่งรสชาติที่เน้นรสสัมผัสของรสชาติจากวัตถุดิบเป็นหลัก ให้คุณได้ลิ้มลองและหลงใหลมนต์เสน่ห์แบบญี่ปุ่นได้แล้วที่โฮวยู
    6. ร้านซากาเอะ ร้านอาหารชาบู ชาบู และสุกี้ญี่ปุ่น สำหรับผู้บริโภคที่ชอบทานเนื้อระดับพรีเมียมด้วยรสชาติดั้งเดิมจากประเทศญี่ปุ่น และบรรยากาศร่วมสมัยด้วยการบริการที่สะดวก รวดเร็ว และเป็นกันเอง
    7. ร้านโออิชิ ฟู้ด ทรัค รถจำหน่ายอาหารเคลื่อนที่ที่รวมแบรนด์ต่าง ๆ ของเครือโออิชิเอาไว้ เน้นกลยุทธ์สะดวก รวดเร็ว และเข้าถึงง่าย ยืดหยุ่น และเคลื่อนย้ายได้ตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปเพื่อเติมเต็มในส่วนที่ขาด แม้ในสถานการณ์ที่ท้าทาย หรือพื้นที่ที่ยากต่อการเข้าถึง ให้บริการภายในสถานีบริการน้ำมันในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และจังหวัดหัวเมืองใหญ่ ทั้งเมนูกลุ่มเบนโตะ เมนูกลุ่มดงบุริ (ข้าวหน้าญี่ปุ่น) ไปจนถึงเมนูกลุ่มอาหารว่างและของทานเล่น ราคาเริ่มต้น 69 บาท โดยเริ่มเปิดในปี 2563

    8. ร้านโออิชิ ทู โก เปิดให้บริการในรูปแบบอาหารพร้อมทานสไตล์ญี่ปุ่น ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่มีพฤติกรรมเร่งรีบ มีเวลาน้อย ต้องการความสะดวก รวดเร็ว แต่ยังมองหาสินค้าที่ดีต่อสุขภาพ ที่สามารถพกพาได้ง่ายอาทิ ข้าวหน้าญี่ปุ่น สลัด ซูชิ โอนิกิริ อีกทั้งยังเป็นแหล่งรวมวัตถุดิบสำหรับการนำไปประกอบอาหารญี่ปุ่นได้เองที่บ้าน ที่ให้ทั้งความสดใหม่และสะดวก เริ่มเปิดให้บริการในปี 2563


    ธุรกิจอาหารพร้อมรับประทาน

    กลุ่มบริษัทโออิชิถือเป็นผู้นำด้านอาหารญี่ปุ่นและการพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์รายหนึ่งในประเทศไทย กลุ่มบริษัทโออิชิมีการพัฒนาและนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่มีคุณภาพและความหลากหลายทั้งในด้านรูปแบบ รสชาติ และบรรจุภัณฑ์ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งการขยายฐานการตลาดและจัดกิจกรรมทางการตลาดเพื่อกระตุ้นยอดขายสินค้าและสร้างการรับรู้ในตราสินค้าให้กว้างขวางมากยิ่งขึ้น โดยในช่วงปี 2564 ที่ผ่านมามีเหตุการณ์สำคัญเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และกิจกรรมต่าง ๆ ดังต่อไปนี้

    1. สร้างการรับรู้และการจดจำตราสินค้าเป็นหนึ่งเดียวภายใต้ตรา "Oishi Eato" "โออิชิ อีทโตะ" โดยอาศัยภาพลักษณ์จากตราโออิชิที่แข็งแกร่งและเป็นผู้นำในตลาดอาหารและเครื่องดื่มมายาวนานถึง 20 ปี โออิชิอีทโตะ ตั้งเป้าหมายที่จะเติบโตเป็นผู้นำตลาดอาหารพร้อมทานสไตล์ญี่ปุ่น ด้วยการผลักดันสื่อโฆษณาสินค้าที่มียอดขายดีอย่างเกี๊ยวซ่าและแซนด์วิชที่เป็นเจ้าตลาดมาอย่างยาวนาน ด้วยการวางแผนสื่อการตลาดในช่องทางที่กลุ่มวัยรุ่นสนใจ เช่น สื่อออนไลน์ ชุมชนออนไลน์ และเสริมด้วยกิจกรรม ณ จุดขาย เพื่อตอกย้ำความอร่อยและมีคุณภาพดีของโออิชิ อีทโตะ
    2. พัฒนาสินค้ารสชาติใหม่ ๆ ที่มีความน่าสนใจเพื่อนำเสนอความหลากหลายให้แก่ผู้บริโภคในทุกกลุ่มสินค้า ได้แก่กลุ่มราเมนผัดที่มี 2 รสชาติใหม่ ยากิโซบะหมู และราเมนผัดซอสสุกี้ กลุ่มเกี๊ยวซ่ามีรสชาติใหม่ เกี๊ยวซ่าไส้หมูย่างน้ำจิ้มแจ่โชยุ และมีสินค้ากลุ่มใหม่วางจำหน่าย ได้แก่ กิมจิผักกาดขาว ที่ได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้บริโภค
    3. การพัฒนาและออกจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพในกลุ่มแซนด์วิช ได้แก่ การเพิ่มรสชาติใหม่ในกลุ่มแซนด์วิชสูตรผสมธัญพืชอย่างต่อเนื่อง อาทิ ไส้สไปซี่ทูน่าและยำสาหร่าย และไส้สลัดไก่ไข่ต้ม อีกทั้งยังพัฒนาแซนด์วิชเพื่อสุขภาพกลุ่มใหม่ที่ผสมเวย์โปรตีนคุณภาพจากประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ให้คุณค่าโปรตีนสูงและยิ่งไปกว่านั้นเพื่อตอบสนองกระแสความต้องการและไลฟ์สไตล์ของกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่ที่ใส่ใจในสุขภาพโออิชิ อีทโตะ ได้มุ่งเน้นการคัดเลือกวัตถุดิบและสูตรสินค้าที่ให้คุณประโยชน์สูงสุดแก่ผู้บริโภค อาทิกลุ่มแซนด์วิชหลายรสชาติที่เป็นแหล่งของโปรตีนและใช้วัตถุดิบที่ดีต่อสุขภาพ ได้แก่ ควินัว
    4. เปิดตัวกลุ่มธุรกิจใหม่ โออิชิซอสและน้ำจิ้ม เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคที่หันมาทำอาหารที่บ้านมากขึ้น ได้แก่ ซอสโชยุ ซอสเทอริยากิ และน้ำจิ้มสุกี้ยากี้
    5. มุ่งเน้นการรักษาฐานลูกค้าเดิมสำหรับช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าประเภทเกี๊ยวซ่าแช่แข็งสำเร็จรูปในต่างประเทศ และศึกษาช่องทางการจัดจำหน่ายใหม่ เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับในปี 2565 ที่จะขยายตลาดส่งออกไปยังประเทศในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิค
  • เหตุการณ์สำคัญในปี 2563

    ในปี 2563 เพื่อเสริมสภาพคล่องหุ้นของบริษัทให้มีความเหมาะสม บริษัทได้ดำเนินการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ส่งผลให้มูลค่าหุ้นที่ตราไว้จากเดิมหุ้นละ 2 บาท เปลี่ยนแปลงเป็นหุ้นละ 1 บาท และจำนวนหุ้นของบริษัทเปลี่ยนแปลงเป็น 375,000,000 หุ้น จากเดิม 187,500,000 หุ้น โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 31 มกราคม 2563 ที่ผ่านมา

    บริษัทยังคงตอกย้ำความเป็นผู้นำในธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มด้วยรางวัลอันทรงคุณค่าต่าง ๆ ที่ได้รับ อาทิ รางวัล “Thailand’s Zocial Award 2020” ในฐานะแบรนด์เครื่องดื่มไม่ผสมแอลกอฮอล์ที่มีผลงานสื่อสังคมออนไลน์ยอดเยี่ยม และรางวัล “Thailand’s Most Admired Brand 2020” ในฐานะแบรนด์ที่ครองความน่าเชื่อถืออันดับ 1 ในหมวดชาพร้อมดื่มซึ่งเป็นรางวัลที่ได้รับเป็นปีที่ 9 ติดต่อกันอีกด้วย

    ในส่วนของการจัดอันดับเครดิตองค์กรนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด (“ทริสเรทติ้ง”) ได้คงอันดับเครดิตองค์กรของบริษัทที่ระดับ A+ ซึ่งสะท้อนถึงสถานะผู้นำในตลาดเครื่องดื่มชาพร้อมดื่มในประเทศไทย ตราสินค้าที่เป็นที่รู้จักอย่างดีเครือข่ายการจัดจำหน่ายสินค้าทั่วประเทศที่ครอบคลุมการวิจัยออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ดี และฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง โดยได้ให้แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหมายของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงสถานะเป็นบริษัทที่มีความสำคัญ ในเชิงกลยุทธ์ของบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) อีกทั้งจะยังคงรักษาสถานะในตลาดชาพร้อมดื่มและร้านอาหารและสร้างผลการดำเนินงานที่ดีอย่างต่อเนื่องต่อไป

    นอกจากนี้ ในปีที่ผ่านมาบริษัทยังมีพัฒนาการด้านการดำเนินธุรกิจที่สำคัญในแต่ละสายธุรกิจ ดังนี้

    ธุรกิจอาหาร

    ธุรกิจร้านอาหาร

    ในปี 2563 กลุ่มบริษัทโออิชิ ได้พัฒนาและยกระดับสินค้าและการให้บริการภายในร้านอาหารแบรนด์ต่าง ๆ ของกลุ่มบริษัทโออิชิ ดังนี้

    1. ร้านโออิชิ อีทเทอเรียม ให้บริการภายใต้แนวคิดที่ผสมผสาน 3 องค์ประกอบอย่างลงตัว ได้แก่ “EAT - EXPLORE - PREMIUM” โดยนำเสนออาหารญี่ปุ่นรสชาติเยี่ยมจากวัตถุดิบชั้นดี และส่วนผสมของความคิดสร้างสรรค์ใหม่ ๆ ผสานวัฒนธรรมการกินของญี่ปุ่นอย่างลงตัว ดื่มด่ำกับมหัศจรรย์ของอาหารญี่ปุ่น ผ่านรูป รส กลิ่น เสียงและสัมผัสอย่างครบครัน กับประสบการณ์ครั้งแรกของการรับประทานอาหารญี่ปุ่น ที่เปิดโอกาสให้ได้ลอง ได้ทำ ได้สัมผัสประสบการณ์ในบรรยากาศแบบญี่ปุ่นแท้ ๆ โดยเปิดให้บริการเป็นแห่งแรกบริเวณชั้น 7 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา แกรนด์พระราม 9 ก่อนเดินหน้าขยายพื้นที่ให้บริการและสาขาเพิ่มเติม ได้แก่ สาขาศูนย์การค้าซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์ ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค รังสิตศูนย์การค้าเมกาบางนา ศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลโคราช ศูนย์การค้าเซ็นทรัลภูเก็ตฟลอเรสต้า และเซ็นทรัลพัทยาบีช และในปี 2562 สาขาสามย่านมิตรทาวน์

    2. ร้านโออิชิ แกรนด์ ในปี 2563 มีการปรับการนำเสนอเมนูซูชิเป็นรูปแบบซูชิพาเหรดที่เน้นความพรีเมียมของวัตถุดิบมาผสานความเป็นฟิวชั่น ให้ได้รสสัมผัสที่แตกต่างจากซูชิทั่วไป อาทิ ซูชิปลาแซลมอนย่างซอสฟัวกราส์, เอบิ ชีสซึ ซูชิ โดยได้รับผลตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี

    3. ร้านชาบูชิ ภายใต้แนวคิด “Shabushi and So Much More ชาบู ซูชิ และอีกมากมายล้นสายพาน” เน้นการสร้างคุณค่าและความหลากหลายของรายการอาหาร พร้อมนำเสนอเมนูใหม่สไตล์ญี่ปุ่นทุก ๆ 3 เดือน เพื่อเป็นการกระตุ้นตลาดอย่างต่อเนื่อง

    4. ร้านโออิชิ ราเมน ได้มุ่งเน้นการพัฒนาเมนูใหม่เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โดยยังคงรักษาความเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องเส้นราเมน ในรูปแบบราเมนน้ำ ราเมนผัดแห้งและราเมนเย็น

    5. ร้านคาคาชิ ร้านอาหารบริการด่วนหรือคิวเอสอาร์ (Quick Service Restaurant “QSR”) กับแนวคิดที่เน้นความอร่อย สะดวก คุ้มค่าคุ้มราคา ในรูปแบบของข้าวหน้าล้น เพิ่มปริมาณเนื้อสองเท่า (x2) เน้นรูปลักษณ์การทานแบบจุใจ อาทิ ข้าวหน้าหมูสไปซี่ไข่ออนเซน ข้าวหน้าหมูย่างมิโซะ และพัฒนาเมนูที่ออกใหม่ อาทิ ข้าวหน้าล้นหมูย่างพริกกระเทียม ข้าวหน้าล้นไข่ข้นมันปู ฯลฯ มาพร้อมอาหารทานเล่นหลากหลายในสไตล์อิซากายะ เพื่อตอบโจทย์อาหารจานด่วนที่คุ้มค่าคุ้มราคาให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป
    6. ร้านโฮวยู ร้านอาหารญี่ปุ่นขนานแท้ ส่งมอบประสบการณ์ผ่านเมนูอาหารญี่ปุ่นยอดนิยมที่หลากหลาย อาทิ ซาชิมิ (ปลาดิบ) และซูชิ ชาบูชาบู สุกี้ยากี้ เทมปุระ อุด้ง ฯลฯ โดยแต่ละเมนูล้วนสื่อถึงรสชาติความดั้งเดิมของญี่ปุ่น เพราะเราพิถีพิถันเป็นอย่างมากในการคัดสรรวัตถุดิบอย่างดีที่นำมาใช้ ไปจนถึงการปรุงแต่งรสชาติ ที่เน้นรสสัมผัสของรสชาติจากวัตถุดิบเป็นหลัก ให้คุณได้ลิ้มลองและหลงใหลมนต์เสน่ห์แบบญี่ปุ่นได้แล้วที่โฮวยู
    7. ร้านซาคาเอะ ร้านอาหารชาบู ชาบู และสุกี้ญี่ปุ่นสำหรับผู้บริโภคที่ชอบทานเนื้อระดับพรีเมียม ด้วยรสชาติดั้งเดิมจากประเทศญี่ปุ่น และบรรยากาศร่วมสมัย ด้วยการบริการที่สะดวก รวดเร็ว และเป็นกันเอง

    ธุรกิจอาหารพร้อมรับประทาน

    กลุ่มบริษัทโออิชิถือเป็นผู้นำด้านอาหารญี่ปุ่นและการพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์รายหนึ่งในประเทศไทยกลุ่มบริษัทโออิชิมีการพัฒนาและนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่มีคุณภาพและความหลากหลายทั้งในด้านรูปแบบ รสชาติ และบรรจุภัณฑ์ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งการขยายฐานการตลาดและจัดกิจกรรมทางการตลาดเพื่อกระตุ้นยอดขายสินค้าและสร้างการรับรู้ในตราสินค้าให้กว้างขวางมากยิ่งขึ้น โดยในช่วงปี 2563 ที่ผ่านมามีเหตุการณ์สำคัญเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และกิจกรรมต่าง ๆ ดังต่อไปนี้

    1. สร้างการรับรู้และการจดจำตราสินค้าเป็นหนึ่งเดียวภายใต้ตรา “Oishi Eato” “โออิชิ อีทโตะ” โดยอาศัยภาพลักษณ์จากตราโออิชิที่แข็งแกร่ง และเป็นผู้นำในตลาดอาหารและเครื่องดื่มมายาวนานถึง 20 ปี โออิชิ อีทโตะ ตั้งเป้าหมายที่จะเติบโตเป็นผู้นำตลาดอาหารพร้อมทานสไตล์ญี่ปุ่น ด้วยการผลักดันสื่อโฆษณาสินค้าที่มียอดขายดีอย่างเกี๊ยวซ่าและแซนวิชที่เป็นเจ้าตลาดมาอย่างยาวนาน ด้วยการวางแผนสื่อการตลาดในช่องทางที่กลุ่มวัยรุ่นสนใจ เช่น สื่อออนไลน์ ชุมชนออนไลน์ และเสริมด้วยกิจกรรม ณ จุดขายเพื่อตอกย้ำความอร่อยและมีคุณภาพดีของโออิชิอีทโตะ

    2. พัฒนาสินค้ารสชาติใหม่ ๆ ที่มีความน่าสนใจเพื่อนำเสนอความหลากหลายให้แก่ผู้บริโภคในทุกกลุ่มสินค้า ได้แก่ กลุ่มราเมนผัดที่มี 2 รสชาติใหม่ ราเมนผัดพริกแห้งและไส้กรอกอาราบิกิที่เป็นไส้กรอกรมควันสไตล์ญี่ปุ่น และราเมนผัดแห้งรสต้มยำ กลุ่มเฟรนช์โทสต์แซนวิชที่ชูจุดเด่นด้านความนุ่มหอมอร่อยของตัวขนมปังที่ชุบกับไข่ เนยและนม ได้ออกรสชาติคอร์นชีส และคาราเมลอัลมอนด์เพิ่มในตลาด กลุ่มเกี๊ยวซ่ามีรสชาติใหม่ เกี๊ยวซ่าไส้หมูซอสยากินิกุ เกี๊ยวซ่าไส้หมูผสมไก่และสาหร่ายวากาเมะพร้อมน้ำจิ้มซีฟู้ดวาซาบิ และการนำเสนอเกี๊ยวซ่ารูปแบบใหม่เกี๊ยวซ่าทรงเครื่องที่มีการโรยหน้าด้วยเห็ดและแครอทผัดซอสสไปซี่ กลุ่มไข่หวาน ที่นับเป็นสินค้านวัตกรรมที่นำไข่หวานมาสอดไส้ด้วยแฮม และชีส สร้างความแปลกใหม่และได้รับการตอบรับ และชื่นชอบจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี

    3. การพัฒนาและออกจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพในกลุ่มแซนวิช ได้แก่ การเพิ่มรสชาติใหม่ในกลุ่มแซนวิชสูตรผสมธัญพืชอย่างต่อเนื่อง อาทิ อกไก่สลัดผักโขม ทูน่าโบนิโตะ และ แฮมไก่ผสมธัญพืชอีกทั้งยังพัฒนาแซนวิชเพื่อสุขภาพกลุ่มใหม่ที่ผสมเวย์โปรตีนคุณภาพจากประเทศสหรัฐอเมริกาที่ให้คุณค่าโปรตีนสูง และยิ่งไปกว่านั้นเพื่อตอบสนองกระแสความต้องการและไลฟ์สไตล์ของกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่ที่ใส่ใจในสุขภาพ โออิชิ อีทโตะ ได้มุ่งเน้นการคัดเลือกวัตถุดิบและสูตรสินค้าที่ให้คุณประโยชน์สูงสุดแก่ผู้บริโภค อาทิ กลุ่มแซนวิชหลาย ๆ รสชาติที่สามารถเคลมเป็นแหล่งของโปรตีน กลุ่มเกี๊ยวซ่าที่มีวิตามินบี 1 สูง และกลุ่มไข่หวานที่เป็นแหล่งของโปรตีนและวิตามินเอและบี 2

    4. มุ่งเน้นการรักษาฐานลูกค้าเดิมสำหรับช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าประเภทเกี๊ยวซ่าแช่แข็งสำเร็จรูปในต่างประเทศ และศึกษาช่องทางการจัดจำหน่ายใหม่เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับในปี 2564 ที่จะขยายตลาดส่งออกไปยังประเทศในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก

    5. การประสานความร่วมมือกับกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องเพื่อการจำหน่ายสินค้าในช่วงวิกฤตการณ์โควิด 19 โดยได้มีการนำสินค้าโออิชิ อีทโตะและสินค้าในกลุ่มธุรกิจในเครือไปจำหน่ายตามแหล่งที่พักอาศัย หรือสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ผู้บริโภค

    6. การขยายช่องทางจำหน่ายไปยังตลาดฟู้ดเซอร์วิสมากขึ้นด้วยการเพิ่มลูกค้าใหม่ ๆ ทั้งในกลุ่ม HORECA และ Food Chain ต่าง ๆ ด้วยสินค้าที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งกลุ่มเบเกอรี่และซอสต่าง ๆ

    ธุรกิจเครื่องดื่ม

    ในปี 2562 และ 2563 บริษัทมีการพัฒนาและออกจำหน่ายผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่องโดยมุ่งเน้นไปที่กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อสุขภาพ มีการลดปริมาณน้ำตาล และสร้างสรรค์ชาเขียวสูตรไม่มีน้ำตาลสำหรับรสชาติต้นตำรับและรสน้ำผึ้งผสมมะนาว จำหน่ายผ่านช่องทางเฉพาะที่ร่วมรายการ โดยในช่วงปีที่ผ่านมามีเหตุการณ์สำคัญเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และกิจกรรมต่าง ๆ ดังต่อไปนี้

    1. พัฒนาและออกผลิตภัณฑ์ชาพร้อมดื่มระดับพรีเมียมภายใต้ชื่อผลิตภัณฑ์ โออิชิ โกลด์ เกียวคุโระ (Oishi Gold Gyokuro) โดยเป็นผลิตภัณฑ์ในกลุ่มชาเขียวพรีเมียมล่าสุด คัดสรรเฉพาะ 3 ยอดอ่อนใบชาในช่วงต้นฤดูเก็บเกี่ยวแรกของปีหลังจากคลุมต้นชาด้วยตาข่ายดำนานกว่า 3 สัปดาห์ ก่อนจะนำมานวด และม้วนด้วยมืออย่างพิถีพิถันเพื่อทำให้ใบชาเผยรสสัมผัส อูมามิ ที่เป็นเอกลักษณ์ ประกอบไปด้วยสูตรไม่มีน้ำตาลและสูตรดีไลท์ (หวานน้อย) ได้รับการรับรอง “ทางเลือกเพื่อสุขภาพ” หรือ “Healthier Choice Logo”

    2. พัฒนาและออกผลิตภัณฑ์ชาพร้อมดื่มที่ดีต่อสุขภาพโออิชิกรีนทีสูตรไม่มีน้ำตาล สำหรับรสต้นตำรับและรสน้ำผึ้งมะนาว เพื่อตอบรับเทรนด์สุขภาพ พร้อมได้รับการรับรอง “ทางเลือกเพื่อสุขภาพ” หรือ “Healthier Choice Logo”

    3. สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ทันสมัย ถูกใจกลุ่มวัยรุ่น และสร้างความตื่นเต้นให้กับตลาดชาพร้อมดื่ม ได้แก่ โออิชิ กรีนที แอปเปิลฮันนี่ และ โออิชิ กรีนทรี แอปเปิลฮันนี่ ไลท์ (สูตรไม่มีน้ำตาล) โดยทั้งสองรสชาติมีส่วนผสมของแอปเปิลญี่ปุ่นอาโอโมริ
  • เหตุการณ์สำคัญในปี 2562

    ปี 2562 เป็นอีกปีที่บริษัทมีพัฒนาการเชิงกลยุทธ์สำคัญอย่างต่อเนื่อง กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมปรุงและพร้อมทานได้ใช้กลยุทธ์สร้างความแข็งแกร่งของตราสินค้า โดยเปิดตัวตราสินค้าและผลิตภัณฑ์อาหารภายใต้ชื่อ “โออิชิ อีทโตะ” เพื่อสร้างการรับรู้และการเข้าถึงผู้บริโภคอย่างทรงพลัง ทำให้การสื่อสารทางการตลาดเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพทั่วทั้งกลุ่มผลิตภัณฑ์ โดยได้เริ่มเปิดตัว โออิชิ อีทโตะ ตั้งแต่ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

    นอกจากนี้ บริษัทได้เล็งเห็นความสำคัญของการปรับตัวและพัฒนาธุรกิจให้สอดคล้องกับ สภาวะทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โดยในวันที่ 9 สิงหาคม 2562 คณะกรรมการบริษัทจึงได้อนุมติให้มีการจัดตั้ง บริษัท โออิชิ เดลิเวอรี่ จำกัด บริษัทย่อยแห่งใหม่ในประเทศไทย ซึ่งได้จดทะเบียนจัดตั้งเป็นบริษัทจำกัดเสร็จเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2562 เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจจัดส่งอาหารและออนไลน์ และเพื่อสอดคล้องต่อความต้องการของผู้บริโภคในยุคใหม่

    บริษัทยังคงตอกย้ำความเป็นผู้นำในธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มด้วยรางวัลอันทรงคุณค่าต่าง ๆ ที่ได้รับ อาทิเช่น รางวัล Thailand’s Most Social Power Brand 2019 ในฐานะสุดยอดแบรนด์ทรงพลังบนโลกโซเชียลมีเดียอันดับ 1 ทั้งในกลุ่มผลิตภัณฑ์ชาเขียวพร้อมดื่มและร้านอาหารญี่ปุ่น โดยวัดผลจาก 4 แพลตฟอร์ม เฟซบุ๊ก (Facebook) อินสตาแกรม (Instagram) ทวิตเตอร์ (Twitter) และยูทูบ (Youtube) และรางวัล Thailand’s Most Admired Brand 2019 ในฐานะแบรนด์ที่ครองความน่าเชื่อถืออันดับ 1 ในหมวดชาพร้อมดื่มซึ่งเป็นรางวัลที่ได้รับเป็นปีที่ 8 ติดต่อกันอีกด้วย

    ในส่วนของการจัดอันดับเครดิตองค์กรนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด (“ทริสเรทติ้ง”) ได้คงอันดับเครดิตองค์กรของบริษัทที่ระดับ A+ ซึ่งสะท้อนถึงสถานะผู้นำในตลาดเครื่องดื่มชาพร้อมดื่มในประเทศไทย ตราสินค้าที่เป็นที่รู้จักอย่างดี เครือข่ายการจัดจำหน่ายสินค้าทั่วประเทศที่ครอบคลุมการวิจัยออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ดี และฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง โดยได้ให้แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหมายของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงสถานะเป็นบริษัทที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ของบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) อีกทั้งจะยังคงรักษาสถานะในตลาดชาพร้อมดื่มและร้านอาหารและสร้างผลการดำเนินงานที่ดีอย่างต่อเนื่องต่อไป

    นอกจากนี้ ในปีที่ผ่านมาบริษัทยังมีพัฒนาการด้านการดำเนินธุรกิจสำคัญในแต่ละสายธุรกิจ ดังนี้

    ธุรกิจอาหาร

    ธุรกิจร้านอาหาร

    ในปี 2562 กลุ่มบริษัทโออิชิ ได้พัฒนาและยกระดับสินค้า และการให้บริการภายในร้านอาหารแบรนด์ต่าง ๆ ของกลุ่มบริษัทโออิชิ ดังนี้

    1. ร้านโออิชิ อีทเทอเรียม ให้บริการภายใต้แนวคิดที่ผสมผสาน 3 องค์ประกอบอย่างลงตัว ได้แก่ “EAT - EXPLORE - PREMIUM” โดยนำเสนออาหารญี่ปุ่นรสชาติเยี่ยมจากวัตถุดิบชั้นดี และส่วนผสมของความคิดสร้างสรรค์ใหม่ ๆ ผสานวัฒนธรรมการกินของญี่ปุ่นอย่างลงตัว ดื่มด่ำกับมหัศจรรย์ของอาหารญี่ปุ่น ผ่านรูป รส กลิ่น เสียง และสัมผัสอย่างครบครัน กับประสบการณ์ครั้งแรกของการรับประทานอาหารญี่ปุ่นที่เปิดโอกาสให้ได้ลอง ได้ทำ ได้สัมผัสประสบการณ์ในบรรยากาศแบบญี่ปุ่นแท้ ๆ โดยเปิดให้บริการเป็นแห่งแรก บริเวณชั้น 7 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา แกรนด์ พระราม 9 ก่อนเดินหน้าขยายพื้นที่ให้บริการและสาขาเพิ่มเติมได้แก่ สาขาศูนย์การค้าซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์ ศูนย์การค้า ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต ศูนย์การค้าเมกาบางนา ศูนย์การค้า แฟชั่นไอส์แลนด์ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลโคราช ศูนย์การค้า เซ็นทรัล ภูเก็ตฟลอเรสต้า และเซ็นทรัล พัทยาบีช และในปี 2562 สาขาสามย่านมิตรทาวน์

    2. ร้านโออิชิ แกรนด์ ในปี 2562 มีการปรับการนำเสนอเมนูซูชิ เป็นรูปแบบ ซูชิพาเหรด ที่เน้นความพรีเมียมของวัตถุดิบมาผสานความเป็นฟิวชั่น ให้ได้รสสัมผัสที่แตกต่างจากซูชิทั่วไป อาทิเช่น ซูชิปลาแซลมอนย่างซอสฟัวกราส์, เอบิ ชีสซึ ซูชิ โดยได้รับผลตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี

    3. ร้านชาบูชิ ภายใต้แนวคิด “Shabushi and So Much More ชาบู ซูชิ และอีกมากมายล้นสายพาน” เน้นการสร้างคุณค่า และความหลากหลายของรายการอาหาร พร้อมนำเสนอเมนูใหม่สไตล์ญี่ปุ่นทุก ๆ 3 เดือน เพื่อเป็นการกระตุ้นตลาดอย่างต่อเนื่อง และในเดือนพฤศจิกายน 2561 สาขาเซ็นทรัลเวิล์ด ได้เปิดรูปแบบการให้บริการใหม่โดยมี 2 ระดับราคาคือ โกลด์ บุฟเฟต์ และ แพลทตินั่ม บุฟเฟต์ ที่เติมเต็มประสบการณ์ทานชาบูเหนือระดับแบบไม่อั้นด้วยเนื้อหมูและเนื้อวัวเกรดพรีเมียม สไลด์สดและจัดเสิร์ฟแบบที่ต่อที่ อาทิ เนื้อกาตะโรซึ เนื้อกาตะบาระและพรีเมียมเบคอนคุโรบูตะ

    4. ร้านโออิชิ ราเมน ได้มุ่งเน้นการพัฒนาเมนูใหม่เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โดยยังคงรักษาความเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องเส้นราเมน ในรูปแบบราเมนน้ำ ราเมนผัดแห้งและราเมนเย็น ซึ่งปีที่ผ่านมาได้ออกเมนูใหม่อาทิ สึเคเมน เป็นเมนูใหม่ที่รังสรรค์การทานแบบราเมนเย็นจุ่มด้วยซุปปลาแห้ง ให้ความสดชื่นอย่างลงตัวตามแบบฉบับของโออิชิ ราเมน โดยได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี

    5. ร้านคาคาชิ ร้านอาหารบริการด่วนหรือคิวเอสอาร์ (Quick Service Restaurant “QSR”) กับแนวคิดที่เน้นความอร่อย สะดวก คุ้มค่าคุ้มราคา ในรูปแบบของ ข้าวหน้าล้น เพิ่มปริมานเนื้อสองเท่า (x2) เน้นรูปลักษณ์การทานแบบจุใจ อาทิ ข้าวหน้าหมูสไปซี่ไข่ออนเซน ข้าวหน้าหมูย่างมิโซะ และพัฒนาเมนูที่ออกใหม่ อาทิ ข้าวหน้าล้นหมูย่างพริกกระเทียม ข้าวหน้าล้นไข่ข้นมันปูฯ มาพร้อมอาหารทานเล่นหลากหลายในสไตล์อิซากายะ เพื่อตอบโจทย์อาหารจานด่วนที่คุ้มค่าคุ้มราคาให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป
    6. ร้านโฮวยู ร้านอาหารญี่ปุ่นขนานแท้ ส่งมอบประสบการณ์ ผ่านเมนูอาหารญี่ปุ่นยอดนิยมที่หลากหลาย อาทิ ซาชิมิ (ปลาดิบ) และซูชิ ชาบูชาบู สุกี้ยากี้ เทมปุระ อุด้ง ฯลฯ โดยแต่ละเมนูล้วนสื่อถึงรสชาติความดั้งเดิมของญี่ปุ่น เพราะเราพิถีพิถันเป็นอย่างมากในการคัดสรรวัตถุดิบอย่างดีที่นำมาใช้ ไปจนถึงการปรุงแต่งรสชาติ ที่เน้นรสสัมผัสของรสชาติจากวัตถุดิบเป็นหลัก ให้คุณได้ลิ้มลองและหลงใหลมนต์เสน่ห์แบบญี่ปุ่นได้แล้วที่ โฮวยู

    ธุรกิจอาหารพร้อมรับประทาน

    เนื่องจากกลุ่มบริษัทโออิชิถือเป็นผู้นำด้านอาหารญี่ปุ่นและการพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์รายหนึ่งในประเทศไทย กลุ่มบริษัทโออิชิจึงมีการพัฒนาและนำเสนอทั้งผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่มีคุณภาพและความหลากหลายทั้งในด้านรูปแบบ รสชาติ และบรรจุภัณฑ์ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งการขยายฐานการตลาดและจัดกิจกรรมทางการตลาดเพื่อกระตุ้นยอดขายสินค้าและสร้างการรับรู้ในตราสินค้าให้กว้างขวางมากยิ่งขึ้น โดยในช่วงปี 2562 ที่ผ่านมามีเหตุการณ์สำคัญเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และกิจกรรมต่าง ๆ ดังต่อไปนี้

    1. สร้างการรับรู้และการจดจำตราสินค้าเป็นหนึ่งเดียวภายใต้ตรา “Oishi Eato” “โออิชิ อีทโตะ” โดยอาศัยภาพลักษณ์ จากตราโออิชิที่แข็งแกร่งและเป็นผู้นำในตลาดอาหารและเครื่องดื่มมายาวนานถึง 20 ปี โออิชิ อีทโตะ ตั้งเป้าหมายที่จะเติบโตเป็นตลา จำกัดอาหารพร้อมทานสไตล์ญี่ปุ่น ด้วยการผลักดันสื่อโฆษณาสินค้าที่มียอดขายดีอย่างเกี๊ยวซ่า และแซนวิชที่เป็นเจ้าตลาดมาอย่างยาวนาน ด้วยการวางแผนสื่อการตลาดในช่องทางที่กลุ่มวัยรุ่นสนใจ เช่น สื่อออนไลน์ ชุมชนออนไลน์ และเสริมด้วยกิจกรรม ณ จุดขาย เพื่อตอกย้ำ ความอร่อยและมีคุณภาพดีของโออิชิ อีทโตะ

    2. มุ่งเน้นการพัฒนาสินค้าใหม่ๆ ที่มีความน่าสนใจ หรือกำลังเป็นเทรนด์ของประเทศญี่ปุ่นมานำเสนอให้กับผู้บริโภค ได้แก่ ราเมนผัดแห้งแช่เย็นรสชาติต่าง ๆ ที่พัฒนารสชาติตามแบบฉบับญี่ปุ่นแท้ๆ นอกจากนี้ โออิชิ อีทโตะ ได้วางจำหน่าย เฟรนช์โทสต์ แซนวิช ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่จำหน่ายเฟรนช์โทสต์ในรูปแบบพร้อมทาน การคงความนุ่มหอมอร่อยของตัวขนมปังที่ชุบกับไข่ เนย และนม อีกทั้งยังมีความอร่อยจากเบคอน เชดด้าชีส และมอสซาเรลลาชีส

    3. การพัฒนาและออกจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพในกลุ่มแซนวิช “โออิชิ อีทโตะ แซนวิชสูตรผสมธัญพืช” อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองกระแสความต้องการและไลฟ์สไตล์ของกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่ที่ใส่ใจในสุขภาพ อาทิเช่น สลัดแซลมอน เทอริยากิ และ แคลิฟอร์เนียปูอัดไข่กุ้งอะโวคาโดสเปรด อีกทั้งยังพัฒนาเส้นราเมนให้ปราศจากวัตถุกันเสียและผงชูรสสำหรับเมนูราเมนผัดแห้งทั้งหมดด้วย

    4. การขยายฐานการตลาดในการส่งออกสินค้าไปจัดจำหน่ายสินค้าในต่างประเทศ ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประเภทเกี๊ยวซ่า ในรูปแบบและรสชาติใหม่ ๆ ที่ตอบสนองความต้องการของกลุ่มผู้บริโภคในประเทศแถบยุโรปมากยิ่งขึ้น โดยสามารถสร้างการเติบโตของยอดขายสูงกว่าปีที่ผ่านมาถึงร้อยละ 67%

    5. การประสานความร่วมมือกับกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เพื่อขยายฐานทางการตลาดอาหารพร้อมทานแบบแช่แข็ง โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์เกี๊ยวซ่าแช่แข็ง สู่ช่องทางการจำหน่ายในกลุ่มธุรกิจห้างขนาดย่อมหรือ Other Modern Trade (OMT) ในเขตพื้นที่ต่างจังหวัด โดยได้เริ่มดำเนินการในลักษณะของโครงการนำร่องในเขตภาคกลางและภาคตะวันออกเพื่อขยายผลสู่ภูมิภาคอื่น ๆ ของประเทศไทยต่อไป

    6. การขยายช่องทางจำหน่ายไปยังตลาดฟู้ดเซอร์วิสมากขึ้นด้วยการเพิ่มลูกค้าใหม่ๆ ทั้งในกลุ่ม Horeca และ Cafe’ โดยตั้งเป้าขยายตลาดเป็น Food Supply ของประเทศไทย

    ธุรกิจเครื่องดื่ม

    ในปี 2562 บริษัทมีการพัฒนาและออกจำหน่ายผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการคิดค้นพัฒนาสินค้ารสชาติและรูปแบบบรรจุภัณฑ์ใหม่เพื่อให้มีความทันสมัย ถูกใจกลุ่มวัยรุ่น และการขยายฐานการจัดจำหน่ายสินค้าไปยังกลุ่มประเทศใหม่ ๆ ดังนี้

    1. การปรับฉลากและประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์ชาเขียว โออิชิ กรีนที รสน้ำผึ้งผสมมะนาว เพื่อเน้นย้ำวัตถุดิบชั้นเลิศน้ำผึ้ง “เฮียกขะมิทสึ” (Hyakkamitsu) จากฮอกไกโด ซึ่งเป็นน้ำผึ้ง ที่ผลิตได้เฉพาะที่ญี่ปุ่นเท่านั้น และมีความหอมพิเศษจากดอกไม้หลากชนิด บนเกาะฮอกไกโด นอกจากนี้ ยังได้มีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ชาเขียว โออิชิ กรีนที รสน้ำผึ้งผสมมะนาว สูตรดับเบิ้ลเลมอน ซึ่งมีรสเปรี้ยวกว่าสูตรปกติ แต่ยังคงความกลมกล่อมของรสชาติน้ำผึ้งผสมมะนาวในแบบฉบับของโออิชิได้เป็นอย่างดี

    2. พัฒนาและออกผลิตภัณฑ์ชาพร้อมดื่มระดับพรีเมียม ภายใต้ชื่อผลิตภัณฑ์ โออิชิ โกลด์ (Oishi Gold) โดยเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ใบชา 100% จากไร่มัตสึดะ เมืองโอมาเอะซากิ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นไร่ชาที่ได้รับรางวัล Emperor’s Cup 3 ปีซ้อน โออิชิ โกลด์ ประกอบไปด้วย 4 รสชาติหลัก คือ โออิชิ โกลด์ เก็นไมฉะ สูตรไม่มีน้ำตาลและสูตรดีไลท์ (หวานน้อย) และ โออิชิ โกลด์ คาบูเซฉะ สูตรไม่มีน้ำตาลและสูตรดีไลท์ (หวานน้อย) ทั้งนี้ ได้มีการออกแบบนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์รูปแบบใหม่ ที่มีรูปทรงคล้ายกระบอกไม้ไผ่ และปากขวดกว้าง เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถสัมผัสกลิ่นหอมชองชาระดับพรีเมียมได้อย่างดี สร้างประสบการณ์พิเศษให้กับกลุ่มผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพ โดยได้วางจำหน่ายแล้วในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2561 เพื่อกระตุ้นตลาดชาพร้อมดื่มในช่วงปลายปี

    3. ปรับปรุงขนาดและฉลากบรรจุภัณฑ์รูปแบบยูเอชที ขนาด 180 มล. ในราคาขายปลีกกล่องละ 10 บาท โดยใช้นวัตกรรมกล่องรูปแบบ Leaf ที่มีรูปทรงสวยงามขึ้นและประหยัดค่าใช้จ่ายทางด้านบรรจุภัณฑ์ได้ โดยประกอบไปด้วย 4 รสชาติ คือ รสต้นตำรับ, รสน้ำผึ้งผสมมะนาว, รสข้าวญี่ปุ่น และรสองุ่นเคียวโฮ

    4. การขยายตลาดการจัดจำหน่ายสินค้าในต่างประเทศไปยังประเทศใหม่ ๆ ได้แก่ สาธารณรัฐไต้หวัน และราชอาณาจักรนอร์เวย์ เป็นต้น
  • เหตุการณ์สำคัญในปี 2561

    กลุ่มบริษัทโออิชิ ได้ดำเนินการโครงการการจัดกลุ่มธุรกิจของบริษัทย่อยภายในกลุ่มบริษัทโออิชิ(“โครงการ”) เพื่อแบ่งแยกสายธุรกิจภายในกลุ่มบริษัทโออิชิให้มีความชัดเจน เกิดความคล่องตัวในด้านการบริหารจัดการ โดยการโอนธุรกิจและทรัพย์สินที่ใช้ในการดำเนินธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายอาหารกึ่งสำเร็จรูปและอาหารสำเร็จรูป รวมถึงการจัดหา ผลิตและจัดส่งวัตถุดิบด้านอาหาร (“ธุรกิจครัวกลาง”) จากบริษัท โออิชิ เทรดดิ้ง จำกัด ให้แก่ บริษัท โออิชิ ฟู้ด เซอร์วิส จำกัด (เดิมชื่อบริษัท โออิชิ สแน็ค จำกัด) โดยการดำเนินการตามโครงการดังกล่าวจะมีส่วนสำคัญในการส่งเสริมศักยภาพในการดำเนินธุรกิจของกลุ่มบริษัทโออิชิให้เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป

    บริษัทยังคงตอกย้ำความเป็นผู้นำในธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มด้วยรางวัลอันทรงคุณค่าต่าง ๆ ที่ได้รับ อาทิเช่น Superbrands Thailand Award 2017 ในฐานะแบรนด์อาหารและเครื่องดื่มที่ประสบความสำเร็จด้านการสร้างแบรนด์และเป็นอันดับหนึ่งในใจผู้บริโภค รางวัล The Most Powerful Brands 2018 ในฐานะแบรนด์ที่แข็งแกร่งและทรงพลังที่สุดในกลุ่มชาพร้อมดื่ม รางวัล Thailand’s Most Social Power Brand 2018 ซึ่งวัดประสิทธิภาพการใช้สื่อออนไลน์ของธุรกิจโดยได้คะแนนอันดับหนึ่งในหมวดชาพร้อมดื่ม รางวัลโล่เกียรติคุณมหกรรมอาหารปลอดภัยตามยุทธศาสตร์ชาติ “มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” จากกระทรวงสาธารณสุข และประกาศนียบัตรจากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) ในฐานะผู้ผลิตเครื่องดื่มที่มีส่วนช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ในงานร้อยดวงใจ ร่วมใจลดโลกร้อน ประจำปี 2561 จากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

    ในส่วนของการจัดอันดับเครดิตองค์กรนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด (“ทริสเรทติ้ง”) ได้คงอันดับเครดิตองค์กรของบริษัท ที่ระดับ “A+” ซึ่งสะท้อนถึงสถานะผู้นำในตลาดเครื่องดื่มชาพร้อมดื่มในประเทศไทย ตราสินค้าที่เป็นที่รู้จักอย่างดี และฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง โดยได้ให้แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหมายของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงสถานะเป็นบริษัทที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ของบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) อีกทั้ง จะยังคงรักษาสถานะทางการแข่งขันในตลาดชาพร้อมดื่มและสร้างผลการดำเนินงานที่ดีอย่างต่อเนื่องต่อไป

    นอกจากนี้ ในปีที่ผ่านมาบริษัทยังมีพัฒนาการด้านการดำเนินธุรกิจที่สำคัญในแต่ละสายธุรกิจ ดังนี้

    ธุรกิจอาหาร

    ธุรกิจร้านอาหาร

    ในปี 2561 กลุ่มบริษัทโออิชิ ได้พัฒนาและยกระดับสินค้าและการให้บริการภายในร้านอาหารแบรนด์ต่าง ๆ ของกลุ่มบริษัทโออิชิ ดังนี้

    1. ร้านโออิชิ อีทเทอเรียม ให้บริการภายใต้แนวคิดที่ผสมผสาน 3 องค์ประกอบอย่างลงตัว ได้แก่ “EAT - EXPLORE - PREMIUM" โดยนำเสนออาหารญี่ปุ่นรสชาติเยี่ยมจากวัตถุดิบชั้นดี และส่วนผสมของความคิดสร้างสรรค์ใหม่ ๆ ผสานวัฒนธรรมการกินของญี่ปุ่นอย่างลงตัว ดื่มด่ำกับมหัศจรรย์ของอาหารญี่ปุ่น ผ่านรูป รส กลิ่น เสียง และสัมผัสอย่างครบครัน กับประสบการณ์ครั้งแรกของการรับประทานอาหารญี่ปุ่น ที่เปิดโอกาสให้ได้ลอง ได้ทำ ได้สัมผัสประสบการณ์ในบรรยากาศแบบญี่ปุ่นแท้ ๆ โดยเปิดให้บริการเป็นแห่งแรกบริเวณชั้น 7 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา แกรนด์ พระราม 9 ก่อนเดินหน้าขยายพื้นที่ให้บริการและสาขาเพิ่มเติมได้แก่ สาขาศูนย์การค้าซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์ ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต ศูนย์การค้าเมกาบางนา ศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลโคราช และศูนย์การค้าเซ็นทรัล ภูเก็ตฟลอเรสต้า

    2. ร้านโออิชิ แกรนด์ จัดเทศกาลอาหารพิเศษในเทศกาล “Sushi Moon Cake” ให้ลูกค้าได้เปิดประสบการณ์ใหม่ในรูปแบบพิเศษ กับการนำข้าวญี่ปุ่นผสมชาเขียวสอดไส้ไข่แดงและผสมความกล่อมกลมด้วยปูอัดไข่กุ้งในช่วงเทศกาลไหว้พระจันทร์ โดยได้รับผลตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี

    3. ร้านชาบูชิ ภายใต้แนวคิด “Shabushi and So Much More ชาบู ซูชิ และอีกมากมายล้นสายพาน” ที่ปรับการให้บริการภายในร้านอาหารโดยเน้นการสร้างคุณค่าและความหลากหลายของรายการอาหาร พร้อมนำเสนอเมนูใหม่สไตล์ญี่ปุ่นทุก ๆ 3 เดือน เพื่อเป็นการกระตุ้นตลาดอย่างต่อเนื่อง

    4. ร้านโออิชิ ราเมน ได้มีการปรับกลยุทธ์ทางการตลาดใหม่ มุ่งเน้นความเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นและน้ำซุปตามตำรับชาวญี่ปุ่น โดยรวบรวมราเมนสูตรพิเศษจากทั่วประเทศญี่ปุ่น มาให้ลูกค้าได้ลิ้มลอง ได้แก่ ซุปราเมนที่เข้มข้นที่สุดตามตำรับชาวฟุกุโอกะ ทงคัตสึ ซุป หรือมิโซะเอบิ ราเมน สไตล์ฮอกไกโด ให้ทุกสัมผัสคือการเดินทางไปตามเส้นสายและซุปที่เต็มไปด้วยรสชาติ

    5. ร้านคาคาชิ ร้านอาหารบริการด่วนหรือคิวเอสอาร์ (Quick Service Restaurant “QSR”) กับแบรนด์คอนเซปต์ใหม่ ชูความอร่อย สะดวก คุ้มค่า ในคอนเซปต์ ข้าวหน้าล้น เพิ่มปริมานเนื้อสองเท่า (x2) เน้นหน้าแบบจุใจ เมนูแนะนำข้าวหน้าล้นสไปซี่ไข่ออนเซน และข้าวหน้าล้นเบคอนย่าง มาพร้อมอาหารทานเล่นหลากหลายในสไตล์อิซากายะ เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่น่าประทับใจในคุณค่าทางโภชนาการแก่ผู้บริโภค

    ธุรกิจอาหารพร้อมรับประทาน

    เนื่องจากกลุ่มบริษัทโออิชิถือเป็นผู้นำด้านอาหารญี่ปุ่นและการพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์รายหนึ่งในประเทศไทย กลุ่มบริษัทโออิชิจึงมีการพัฒนาและนำเสนอทั้งผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่มีคุณภาพและความหลากหลายทั้งในด้านรูปแบบ รสชาติ และบรรจุภัณฑ์ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งการขยายฐานการตลาดและจัดกิจกรรมการทางการตลาดเพื่อกระตุ้นยอดขายสินค้าและสร้างการรับรู้ในตราสินค้าให้กว้างขวางมากยิ่งขึ้น โดยในช่วงปี 2561 ที่ผ่านมามีเหตุการณ์สำคัญเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และกิจกรรมต่าง ๆ ดังต่อไปนี้

    1. การพัฒนาและออกจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในกลุ่มแซนวิชเพื่อสุขภาพ “โออิชิ แซนวิช พลัส” อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองกระแสความต้องการและไลฟ์สไตล์ของกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่ที่ใส่ใจในสุขภาพ อาทิเช่น แซนวิชผสมธัญพืชไส้ทูน่าผสมควินัวและเห็ด แซนวิชผสมธัญพืชไส้อกไก่ซอสพริกไทยดำ แซนวิชผสมธัญพืชไส้ปูอัดสลัดไข่วากาเมะ และแซนวิชผสมธัญพืชไส้อกไก่ซอสสลัดงา เป็นต้น

    2. การขยายฐานการตลาดในการส่งออกสินค้าไปจัดจำหน่ายสินค้าในต่างประเทศ ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประเภทเกี๊ยวซ่าในรูปแบบและรสชาติใหม่ ๆ ที่ตอบสนองความต้องการของกลุ่มผู้บริโภคในประเทศแถบยุโรปมากยิ่งขึ้น โดยสามารถสร้างการเติบโตของยอดขายสูงกว่าปีที่ผ่านมาถึงร้อยละ 83

    3. การประสานความร่วมมือกับกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องเพื่อขยายฐานทางการตลาดอาหารพร้อมทานแบบแช่แข็ง โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์เกี๊ยวซ่าแช่แข็ง สู่ช่องทางการจำหน่ายในกลุ่มธุรกิจห้างขนาดย่อมหรือ Other Modern Trade (OMT) ในเขตพื้นที่ต่างจังหวัด (Other Modern Trade) โดยได้เริ่มดำเนินการในลักษณะของโครงการนำร่องในเขตภาคกลางและภาคตะวันออก เพื่อขยายผลสู่ภูมิภาคอื่น ๆ ของประเทศไทยต่อไป

    ธุรกิจเครื่องดื่ม

    ในปี 2561 บริษัทมีการพัฒนาและออกจำหน่ายผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการคิดค้นพัฒนาสินค้ารสชาติและรูปแบบบรรจุภัณฑ์ใหม่เพื่อให้มีความทันสมัย ถูกใจกลุ่มวัยรุ่น และการขยายฐานการจัดจำหน่ายสินค้าไปยังกลุ่มประเทศใหม่ ๆ ดังนี้

    1. การออกจำหน่ายผลิตภัณฑ์ใหม่ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ชาเขียว โออิชิ รสน้ำผึ้งผสมมะนาว ซึ่งคัดสรรวัตถุดิบชั้นเลิศโดยการนำสุดยอดน้ำผึ้ง “เฮียกขะมิทสึ” (Hyakkamitsu) จากประเทศญี่ปุ่นมาเป็นส่วนผสมเพื่อสร้างการรับรู้และตอกย้ำความใส่ใจในสุขภาพของผู้บริโภคและความเป็นญี่ปุ่นต้นตำรับของผลิตภัณฑ์ และผลิตภัณฑ์ชาเขียว โออิชิ รสน้ำผึ้งผสมมะนาว สูตรดับเบิ้ลเลมอน ซึ่งมีรสเปรี้ยวเป็นพิเศษ แต่ยังคงความกลมกล่อมของรสชาติน้ำผึ้งผสมมะนาวในแบบฉบับของโออิชิได้เป็นอย่างดี รวมถึงการออกผลิตภัณฑ์ชาพร้อมดื่ม ระดับพรีเมียม ภายใต้ชื่อผลิตภัณฑ์ โออิชิ โกลด์ (Oishi Gold) ซึ่งจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีนวัตกรรมรสชาติและบรรจุภัณฑ์รูปแบบใหม่ ที่จะสร้างประสบการณ์พิเศษที่แปลกใหม่ให้กับกลุ่มผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพ โดยมีกำหนดการวางจำหน่ายในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2561 เพื่อสร้างความแปลกใหม่และกระตุ้นตลาดชาพร้อมดื่มในช่วงปลายปี

    2. การขยายตลาดการจัดจำหน่ายสินค้าในต่างประเทศไปยังประเทศใหม่ ๆ ได้แก่ สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ ราชอาณาจักรบาห์เรน ออสเตรีย และสาธารณรัฐไอซ์แลนด์ เป็นต้น
  • เหตุการณ์สำคัญในปี 2560

    บริษัทคำนึงถึงและให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับเรื่องของสุขลักษณะและความปลอดภัยของอาหารตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ บริษัทจึงได้พัฒนาคุณภาพและระดับการให้บริการ พร้อมทั้งดำเนินการเพื่อขอการรับรองระบบคุณภาพจากองค์กรชั้นนำของโลกทางด้านการตรวจสอบ การทดสอบ และการรับรองระบบ โดยร้านอาหารของบริษัทได้รับการรับรองระบบคุณภาพครอบคลุม 3 ระบบ ได้แก่ GMP HACCP และ ISO 9001:2015 ในขอบข่ายเนื้อหา “การบริการในภัตตาคารและร้านอาหาร ครอบคลุมอาหารสไตล์ญี่ปุ่น” รวมทั้งสิ้น 244 สาขา ซึ่งครอบคลุมทุกสาขาร้านอาหารของกลุ่มบริษัทโออิชิ ณ วันที่ได้รับการรับรอง เพื่อตอบสนองความพึงพอใจ และคงไว้ซึ่งความเชื่อมั่นสูงสุดแก่ลูกค้า โดยถือเป็นรายแรกของประเทศไทยและในภูมิภาคเอเชียที่ได้รับรองระบบคุณภาพครอบคลุมทั้ง 3 ระบบและในทุกสาขาร้านอาหาร นอกจากนั้น บริษัทยังได้รับรางวัลที่ช่วยตอกย้ำความเป็นบริษัทชั้นนำในธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ได้แก่ รางวัล “สุดยอดแบรนด์แห่งปี Superbrands Thailand 2016 จากซุปเปอร์แบรนด์ ประเทศไทย” ซึ่งช่วยตอกย้ำ ความสำเร็จในฐานะที่ “โออิชิ” เป็นแบรนด์อาหารและเครื่องดื่มที่ประสบความสำเร็จด้านการสร้างแบรนด์ในประเทศไทยและได้รับการยอมรับเป็นอันดับหนึ่งในใจผู้บริโภค และรางวัล “The Most Powerful Brands of Thailand 2016” ในฐานะที่ “โออิชิ” เป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่งและทรงพลังที่สุดในกลุ่มชาพร้อมดื่ม ประจำปี 2559

    ในส่วนของการจัดอันดับเครดิตองค์กรนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด (“ทริสเรทติ้ง”) ได้ทบทวนและยืนยันอันดับเครดิตองค์กรของบริษัทที่ระดับ “A+” ซึ่งสะท้อนถึงสถานะผู้นำในตลาดเครื่องดื่มชาพร้อมดื่มในประเทศไทย ตลอดจนการมีกระแสเงินสดที่เติบโตขึ้นและสภาพคล่องทางการเงินที่ดี โดยได้ให้แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหมายของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงสถานะเป็นบริษัทที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ของบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) อีกทั้งจะยังคงรักษาสถานะทางการแข่งขันในตลาดชาพร้อมดื่ม และสร้างผลการดำเนินงานที่ดีอย่างต่อเนื่องต่อไป

    นอกจากนี้ ในปีที่ผ่านมาบริษัทยังมีพัฒนาการด้านการดำเนินธุรกิจที่สำคัญในแต่ละสายธุรกิจ ดังนี้

    ธุรกิจอาหาร

    ธุรกิจร้านอาหาร

    ในปี 2560 กลุ่มบริษัทโออิชิได้พัฒนาและยกระดับสินค้าและการให้บริการภายในร้านอาหารแบรนด์ต่าง ๆ ของกลุ่มบริษัทโออิชิ ดังนี้

    1. ร้านโออิชิ อีทเทอเรียม เปิดตัวคอนเซ็ปต์ร้านใหม่ภายใต้แนวคิด 3 ส่วนผสมที่ลงตัว ประกอบด้วย “EAT – EXPLORE - PREMIUM” นำเสนออาหารญี่ปุ่นรสชาติเยี่ยมจากวัตถุดิบชั้นดี และส่วนผสมของความคิดสร้างสรรค์ใหม่ ๆ ผสานวัฒนธรรมการกินของญี่ปุ่นอย่างลงตัว ดื่มด่ำกับมหัศจรรย์ของอาหารญี่ปุ่นผ่าน รูป รส กลิ่น เสียง และสัมผัสอย่างครบครัน กับประสบการณ์ครั้งแรกของการรับประทานอาหารญี่ปุ่นที่เปิดโอกาสให้ได้ลอง ได้ทำ ได้สัมผัส ประสบการณ์ในบรรยากาศแบบญี่ปุ่นแท้ ๆ โดยเปิดให้บริการเป็นแห่งแรกที่ชั้น 7 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา แกรนด์ พระราม 9 ก่อนเดินหน้าขยายพื้นที่ให้บริการและสาขาเพิ่มเติมได้แก่ สาขา ซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์ และฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต

    2. ร้านโออิชิ บุฟเฟต์ เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณา เรื่อง “EAT LIKE A KING” ประสบการณ์ทานอาหารญี่ปุ่นระดับ คิง!!! ต้นตำรับภัตตาคารบุฟเฟต์อาหารญี่ปุ่นยกระดับความอร่อยครั้งยิ่งใหญ่!! พร้อมจัดทัพเมนูใหม่กว่า 30 เมนู เพื่อสร้างประสบการณ์ตลอดจนรสสัมผัสที่หลากหลายให้คนรักอาหารญี่ปุ่นได้ลิ้มลองเมนูใหม่ชั้นดี…. มีให้ไม่อั้น! เสมือนดั่งจักรพรรดิแห่งแดนอาทิตย์อุทัย จึงเป็นที่มาของภาพยนตร์โฆษณาชุดล่าสุด “KING OF JAPANESE FOOD” ที่บอกเล่าเรื่องราวถึงประสบการณ์ที่น่าประทับใจของผู้ที่ได้รับประทานโออิชิ บุฟเฟต์ รูปแบบใหม่ เมื่อได้เห็น ได้สัมผัส รายการอาหารชั้นดีมากมาย ได้ดื่มด่ำกับรสชาติอันปราณีตและพิถีพิถัน ที่รายล้อมอย่างน่าตื่นตาตื่นใจ จึงนับเป็นที่สุดแห่งประสบการณ์อาหารญี่ปุ่นระดับจักรพรรดิที่รอให้คุณไปสัมผัสด้วยตัวเองที่ โออิชิ บุฟเฟต์

    3. ร้านโออิชิ แกรนด์ จัดเทศกาลอาหารพิเศษในเทศกาล “Phuket Lobster Festival 2016” ในช่วงเทศกาลวันแม่แห่งชาติ โดยนำ กุ้งมังกรภูเก็ต (Phuket Lobster) มาใช้เป็นวัตถุดิบในรายการอาหารที่หลากหลายในราคาสุดพิเศษ ซึ่งกุ้งมังกรภูเก็ตถือเป็นวัตถุดิบที่มีชื่อเสียงอย่างมากของจังหวัดภูเก็ต โดยได้รับผลตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี นอกจากนี้ ยังถือเป็นการส่งเสริมและช่วยประชาสัมพันธ์ให้ผู้บริโภครู้จักและบริโภคกุ้งมังกรภูเก็ตอย่างกว้างขวางมากยิ่งขึ้น

    4. ร้านชาบูชิ บริษัทได้ดำเนินแผนงานการปรับรูปแบบการให้บริการใหม่ ภายใต้แนวคิด “Shabushi and So Much More ชาบู ซูชิ และอีกมากมายล้นสายพาน” ที่ปรับการให้บริการภายในร้านอาหาร โดยเน้นการสร้างคุณค่าและความหลากหลายของรายการอาหาร และการให้บริการที่น่าประทับใจแก่ผู้ใช้บริการ

    5. ร้านโออิชิ ราเมน นำเสนอรายการอาหารใหม่ ได้แก่ ยากิโซบะชีสซึ โตเกียว ราเมน และอื่น ๆ โดยมีการหมุนเวียนเปลี่ยนรสชาติ ทุกรอบระยะเวลา 2 เดือน เพื่อสร้างประสบการณ์ที่หลากหลายให้แก่ผู้บริโภค โดยได้รับผลตอบรับอย่างดีมากจากผู้บริโภค

    6. ร้านนิกุยะ ร้านปิ้งย่างสไตล์ญี่ปุ่น ได้มีการปรับกลยุทธ์ทางการตลาดใหม่ ไม่ว่ารูปแบบบริการ อา ลา คาร์ท (เมนูตามสั่ง) ที่เพิ่มมาใหม่ จากเดิมที่มีเพียงบริการอาหารแบบบุฟเฟต์ เนื่องจากทางร้านเองต้องการตอบสนองและให้บริการลูกค้าหลากหลายกลุ่มมากขึ้น รวมไปถึงการเปลี่ยนสโลแกนร้านเป็น “นิกุยะ ยากินิกุตำรับโอซากาแท้” จากเดิมที่ใช้สโลแกน “นิกุยะ บุฟเฟต์ปิ้งย่างตำรับญี่ปุ่นแท้” ประเด็นหลักในการปรับโฉมของนิกุยะครั้งนี้คือการเพิ่มการให้บริการ อา ลา คาร์ท บริโภคสามารถเลือกสั่งเป็นชุด หรือสั่งเมนูเดี่ยวก็ได้ ซึ่งแบบ ชุด จะมี 2 แบบ คือ แบบชุดซูเปอร์พรีเมี่ยม (เหมาะสำหรับ 2 ท่าน) และแบบชุดพรีเมี่ยม (เหมาะสำหรับท่านเดียว) สำหรับคนที่อยากเลือก เมนู อา ลา คาร์ท จุดเด่นคือความหลากหลายที่คัดวัตถุดิบมาจากหลายประเทศ ซึ่งพิจารณาแล้วว่าเหมาะกับการปิ้งย่าง มีให้เลือก มากกว่า 70 เมนู มีเนื้อสัตว์ให้เลือกหลากหลาย ทั้งเนื้อวากิว (ส่วนสันคอ) นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น เนื้อริบอาย เนื้อโจคารูบิ เนื้อคารูบิพรีเมี่ยมจากออสเตรเลีย เนื้อฮารามิจากสหรัฐอเมริกา รวมไปถึง หมู ไก่ กุ้ง เบคอน แซลมอนนอร์เวย์ หอยแมลงภู่ นิวซีแลนด์ และอื่น ๆ อีกมากมาย ไม่เพียงเท่านี้ ในส่วนของเมนูบุฟเฟต์ก็ได้ปรับเปลี่ยนระดับราคาบุฟเฟต์จากเดิมราคา 519 บาท ให้หลากหลายขึ้นเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า โดยแบ่งออกเป็น 2 ระดับคือ พรีเมี่ยม บุฟเฟต์ ราคา 399 บาท (ไม่รวมเครื่องดื่ม) มีรายการอาหารให้เลือก 40 รายการ และซูเปอร์พรีเมี่ยม บุฟเฟต์ (Super Premium Buffet) ราคา 539 บาท (ไม่รวมเครื่องดื่ม) มีรายการอาหารให้เลือกกว่า 50 รายการ ความแตกต่างของ สองบุฟเฟต์นี้คือ ซูเปอร์พรีเมี่ยม บุฟเฟต์ มีเนื้อนำเข้าจากต่างประเทศ มากกว่าพรีเมี่ยม บุฟเฟต์ ที่มีเนื้อนำเข้าเพียงรายการเดียว

    7. ร้านคาคาชิ ร้านอาหารบริการด่วนหรือคิวเอสอาร์ (Quick Service Restaurant “QSR”) กับแบรนด์คอนเซ็ปต์ใหม่! ชูความอร่อย สะดวก คุ้มค่า ผ่านรายการอาหารชุดที่คัดสรรมาด้วยความตั้งใจ ทั้งเซตข้าวหน้าแกงกะหรี่ สูตรเข้มข้นพิเศษ และเซตข้าวหน้าต่าง ๆ ในสไตล์โตเกียว เน้นปรุงสด ที่ต่อที่ เพื่อให้ทุกมื้อของคนไทยเป็นช่วงเวลาที่มีความสุข สนุก และอบอุ่นกว่าที่เคย สำหรับรูปแบบการให้บริการนั้น เน้นความรวดเร็วและการบริการตนเองของลูกค้าแบบเซลฟ์ เซอร์วิส (Self Service Model) ผ่านขั้นตอนสั่งอาหารและรับอาหารง่าย ๆ เพียงแค่ (1) เข้าคิวและสั่งอาหารที่เคาน์เตอร์ พร้อมชำระเงิน (2) รับอุปกรณ์ส่งสัญญาณ หรือ Beeper จากพนักงานและมานั่งรออาหารที่โต๊ะ (3) เมื่อได้ยินเสียงสัญญาณ จาก Beeper ให้มารับอาหารที่เคาน์เตอร์ และ (4) หยิบช้อน ส้อม ตะเกียบ และเครื่องปรุงได้ที่เคาน์เตอร์อุปกรณ์ ทั้งนี้ การนำอุปกรณ์ส่งสัญญาณ หรือ Beeper มาใช้ ยังเป็นการยกระดับมาตรฐานบริการของ “คาคาชิ” ให้แตกต่างจากร้านอาหารจานด่วน และร้านอาหารญี่ปุ่นทั่ว ๆ ไป การปรับปรุงภาพลักษณ์ของ “คาคาชิ” ในครั้งนี้ถือเป็นการตอกย้ำถึงยุทธศาสตร์การดำเนิน ธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนานวัตกรรมและ “สร้างสรรค์มูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและบริการ” มาโดยตลอด แม้ตลาดร้านอาหาร ญี่ปุ่นจะมีการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงขึ้นก็ตาม พร้อมวางเป้าหมายสูงสุดเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารญี่ปุ่น หรือ “EXPERT OF JAPANESE FOOD” ภายในปี 2020 ที่มีความแข็งแกร่งและเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป

    ธุรกิจอาหารพร้อมรับประทาน

    เนื่องจากกลุ่มบริษัทโออิชิถือเป็นผู้นำด้านอาหารญี่ปุ่นและการพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์รายหนึ่งในประเทศไทย กลุ่มบริษัทโออิชิจึงมีการพัฒนาและนำเสนอทั้งผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่มีคุณภาพและความหลากหลาย ทั้งในด้านรูปแบบ รสชาติ และบรรจุภัณฑ์ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งการขยายฐานการตลาดและจัดกิจกรรมการทางการตลาดเพื่อกระตุ้นยอดขายสินค้าและสร้างการรับรู้ในตราสินค้าให้กว้างขวางมากยิ่งขึ้น โดยในช่วงปี 2560 ที่ผ่านมามีเหตุการณ์สำคัญเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และกิจกรรมต่าง ๆ ดังต่อไปนี้

    1. การพัฒนาและวางจำหน่ายประเภทแซนวิชเพื่อสุขภาพ “โออิชิ แซนวิช พลัส” รสทูน่าสลัดไข่ และสลัดอกไก่ เพื่อตอบสนอง กระแสความต้องการและไลฟ์สไตล์ของกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่ที่ใส่ใจในสุขภาพ

    2. การพัฒนาและปรับปรุงผลิตภัณฑ์โออิชิ เกี๊ยวซ่า ไส้หมู เพื่อเป็นการคืนกำไรแก่ผู้บริโภคที่ให้การตอบรับกับผลิตภัณฑ์ด้วยดีเสมอมา โดยการเพิ่มปริมาณไส้และปรับแป้งให้มีความบางมากยิ่งขึ้น รวมถึงการสร้างความแปลกใหม่โดยการปรับแบบบรรจุภัณฑ์ให้มีความน่าสนใจและดึงดูดผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น พร้อมกับการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายที่สร้างการมีส่วนร่วมกับผู้บริโภคในหลายพื้นที่สำคัญของกรุงเทพมหานคร เพื่อสร้างกระแสและการรับรู้ถึงการปรับปรุงผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ใหม่ดังกล่าวอย่างกว้างขวาง

      นอกจากนี้ เพื่อเป็นการตอบรับกับกระแสความใส่ใจในสุขภาพของผู้บริโภค กลุ่มบริษัทโออิชิได้พัฒนาและวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์โออิชิ เกี๊ยวซ่า ไรซ์เบอร์รี่ ไส้หมูสลัดงา ซึ่งถือเป็นการพัฒนารสชาติใหม่ เพื่อเพิ่มความหลากหลายให้มื้ออาหารทานเล่น ซึ่งมีจุดเด่นที่แป้งเกี๊ยวซ่าไรซ์เบอร์รี่ที่มีประโยชน์ ลดปริมาณน้ำตาลและมีส่วนช่วยในการควบคุมน้ำหนัก รวมถึงน้ำจิ้มสูตรใหม่ “ซอสสลัดงาญี่ปุ่น” ที่ส่งเสริมภาพลักษณ์ความเป็นผลิตภัณฑ์อาหารญี่ปุ่นได้เป็นอย่างดีอีกด้วย โดยหาซื้อได้ที่ 7-Eleven ที่มีสาขาครอบคลุมทั่วประเทศ

    3. การออกจำหน่ายผลิตภัณฑ์ราเมนประเภทแช่แข็ง 2 รสชาติใหม่ ได้แก่ ราเมนกะเพราหมูและราเมนผัดขี้เมาไก่ ซึ่งถือเป็นการต่อยอดความนิยมและการตอบรับที่ดีของผู้บริโภคในผลิตภัณฑ์ราเมนประเภทแช่แข็งที่จัดจำหน่ายอยู่ในปัจจุบัน โดยวางจำหน่ายตามซุปเปอร์มาร์เก็ต และไฮเปอร์มาร์เก็ตทั่วประเทศเพื่อเพิ่มทางเลือกและช่องทางให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงสินค้าได้อย่างสะดวกและกว้างขวางมากยิ่งขึ้น

    4. การเข้าร่วมงาน THAIFEX-World of Food Asia 2017 (งานแสดงสินค้าอาหาร ปี 2560) ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี ซึ่งถือเป็นงานแสดงสินค้าประเภทอาหารและเครื่องดื่มที่นับว่าใหญ่ที่สุดในประเทศ เพื่อเป็นการขยายฐานทางการตลาดและสรรหาคู่ค้าใหม่ ๆ ในช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าในต่างประเทศ และช่องทาง Food Service รวมถึงการเข้าร่วมงานดังกล่าวยังถือเป็นการสร้างโอกาสทางธุรกิจและการรับรู้ในตราสินค้าโออิชิได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

    ธุรกิจเครื่องดื่ม

    ในปี 2560 บริษัทมีการพัฒนาและออกจำหน่ายผลิตภัณฑ์ใหม่อย่าง ต่อเนื่อง รวมถึงการคิดค้นพัฒนาสินค้ารสชาติและรูปแบบบรรจุภัณฑ์ใหม่ เพื่อให้มีความทันสมัย ถูกใจกลุ่มวัยรุ่น และการขยายฐานการจัดจำหน่าย สินค้าไปยังกลุ่มประเทศใหม่ ๆ ดังนี้

    1. การออกจำหน่ายผลิตภัณฑ์ใหม่ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์โออิชิ ชาเขียว กลิ่นซากุระ สตรอร์เบอร์รี่ ในช่วงต้นปี ที่มาพร้อมกับนวัตกรรมใหม่ บรรจุภัณฑ์เปลี่ยนสีได้ตามอุณหภูมิ เพื่อตอบสนองความต้องการ ของกลุ่มผู้บริโภคที่ชื่นชอบการบริโภคชาเขียว ให้ได้รับความแปลกใหม่ และสนุกสนานมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ มีแผนงานการออกจำหน่าย ผลิตภัณฑ์โออิชิ ชาเขียว รสส้มยูซุ ที่จะเป็นรสชาติใหม่ในกลุ่ม ผลิตภัณฑ์ชาเขียวเคี้ยวได้ออกมาเสริมผลิตภัณฑ์โออิชิ ชาเขียวกลิ่นองุ่นเคียวโฮ ที่ได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี โดยผลิตภัณฑ์โออิชิ ชาเขียว รสส้มยูซุ นี้เริ่มวางจำหน่ายใน เดือนพฤศจิกายน 2560

    2. การขยายตลาดการจัดจำหน่ายสินค้าในต่างประเทศไปยังประเทศใหม่ ๆ ได้แก่ สาธารณรัฐอิตาลี สาธารณรัฐฝรั่งเศส ราชอาณาจักรสวีเดน และสาธารณรัฐอินเดีย เป็นต้น

  • ดำเนินการเพิ่มทุนในบริษัทย่อย ได้แก่ Oishi International Holdings Limited และ Oishi F&B (Singapore) Pte. Ltd. โดยมีวัตถุประสงค์หลัก เพื่อรองรับการเพิ่มทุนของ Oishi Myanmar Limited ซึ่งเป็นบริษัทย่อยในสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนและรองรับการขยายตัวของ ธุรกิจในอนาคต

    ร้านโออิชิ แกรนด์ จัดเทศกาลอาหารพิเศษ “Phuket Lobster Festival 2016” ในช่วงเทศกาลวันแม่แห่งชาติ

    ร้านโออิชิ บุฟเฟต์ จัดเทศกาลอาหารสุดพิเศษตลอดปี อาทิเช่น เทศกาลมากิ

    ร้านชาบูชิ ปรับรูปแบบการให้บริการใหม่ภายใต้แนวคิด “Shabushi and So Much More” โดยเน้นการสร้าง คุณค่าและความหลากหลายของรายการอาหารและ การให้บริการที่น่าประทับใจ

    ร้านโออิชิ ราเมน นำเสนอรายการอาหารใหม่ ได้แก่ นาเบะ หรือหม้อไฟตามแบบฉบับญี่ปุ่น โดยมีการหมุมเวียน เปลี่ยนรสชาติทุกรอบระยะเวลา 2 เดือน

    เริ่มจำหน่ายผลิตภัณฑ์แซนวิชรูปแบบใหม่ โออิชิ แซนวิช อบร้อน โดยมีช่องทางการจัดจำหน่ายหลักผ่านร้าน แฟมิลี่ มาร์ท

    เริ่มจำหน่ายผลิตภัณฑ์โออิชิ เกี๊ยวซ่ารวมรส โดยนำ เกี๊ยวซ่าต่างรสชาติถึง 5 รสชาติมาบรรจุรวมกันใน บรรจุภัณฑ์เดียวกัน จัดจำหน่ายผ่านร้าน 7-Eleven ทั่วประเทศ

    เริ่มจำหน่ายผลิตภัณฑ์ โออิชิ โอปัง ขนมปังรูปหน้าหมี สอดไส้ ที่สามารถแต่งหน้าตุ๊กตาหมีได้ตามจินตนาการ โดยจัดจำหน่ายผ่านร้าน 7-Eleven ทั่วประเทศ

    เริ่มจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมทานแช่แข็งประเภท เส้นราเมน โดยจัดจำหน่ายผ่านช่องทางไฮเปอร์มาร์เก็ต และซุปเปอร์มาร์เก็ตเป็นหลัก

    เริ่มจำหน่ายผลิตภัณฑ์โออิชิ ชาเขียว กลิ่นองุ่นเคียวโฮ ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ชาเขียวเคี้ยวได้ และผลิตภัณฑ์โออิชิ ชาเขียวกลิ่นซากุระ สตรอเบอร์รี่ ที่มาพร้อมนวัตกรรมใหม่ บรรจุภัณฑ์เปลี่ยนสีได้ตามอุณหภูมิ เพื่อตอบสนอง ความต้องการผู้บริโภคเพื่อให้ได้ความแปลกใหม่และ สนุกสนานมากยิ่งขึ้น

    ขยายตลาดการจัดจำหน่ายเครื่องดื่มในต่างประเทศ ไปยังประเทศใหม่ ได้แก่ ประเทศสาธารณรัฐฝรั่งเศส และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

  • เปิดดำเนินการร้าน “ชาบูชิ” เพิ่มอีก 1 สาขา ในเมืองย่างกุ้ง ประเทศเมียนมาร์ ที่ Junction Square Shopping Center

    เริ่มจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มชาเขียวพร้อมดื่ม รสชาติใหม่ “โออิชิ คาบูเซฉะ สูตรน้ำตาลน้อย” เพื่อตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภคที่ชื่นชอบชาเขียวระดับ พรีเมี่ยมและห่วงใยสุขภาพ

    เริ่มจำหน่ายเครื่องดื่มชาเขียวพร้อมดื่ม “โออิชิ รสแตงโม” ขนาด 380 มล. ซึ่งจัดจำหน่ายเฉพาะช่วงฤดูร้อน ระหว่างเดือนมีนาคม ถึงเดือนมิถุนายน เท่านั้น

    เพิ่มขนาดบรรจุภัณฑ์ใหม่ เครื่องดื่มชาเขียวพร้อมดื่ม “โออิชิ ขนาด 800 มล.”โดยมีจัดจำหน่ายใน 3 รสชาติ ได้แก่ รสน้ำผึ้งผสมมะนาว รสข้าวญี่ปุ่น และรสลิ้นจี่ รวมถึงการปรับเปลี่ยนขนาดและรูปแบบบรรจุภัณฑ์ โออิชิ ฟรุตโตะ จากขนาด 350 มล. เป็น 380 มล.

    เชิญเชฟกระทะเหล็กจากประเทศญี่ปุ่น “เชฟฮิโรยูกิ ซาไก” มารังสรรค์เมนูสุดพิเศษ ให้ลูกค้าได้ลิ้มลองภายในร้าน “โออิชิ บุฟเฟต์” ตลอดทั้งปี

    เริ่มจำหน่ายผลิตภัณฑ์กลุ่มแซนวิชใหม่ ภายใต้ชื่อ “โออิชิ เทรนดี้โรล” ผ่านช่องทางร้านสะดวกซื้อ

    เริ่มจำหน่ายผลิตภัณฑ์รสชาติใหม่ของกลุ่มผลิตภัณฑ์ “โออิชิ เกี๊ยวซ่า” อาทิ เกี๊ยวซ่าไส้สไปซี่ซีฟู๊ด ไส้กระเพราหมู และ ไส้หมูยากินิกุ

    เริ่มจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารแช่แข็งประเภทข้าว “โออิชิ เบนโตะ” ในหลากหลายรสชาติ ได้แก่ ข้าวหมูสไปซี่ ข้าวหมูซอสญี่ปุ่น และข้าวหน้าไก่เทอริยากิ โดยจำหน่าย ในช่องทางไฮเปอร์มาร์เก็ตและซุปเปอร์มาร์เก็ต

    ปรับรูปแบบบรรจุภัณฑ์ ชาเขียวโออิชิ คาบูเซฉะ ให้มี ความสดใสและทันสมัย แต่ยังคงความเป็นญี่ปุ่น แบบพรีเมี่ยม และการปรับรูปแบบบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่ม ชาดำโซดา โออิชิ ชาคูลล์ซ่า เป็นกระป๋องทรงสลีค

    ขยายตลาดการจัดจำหน่ายสินค้าในต่างประเทศไปยัง ประเทศใหม่ ๆ ได้แก่ สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี สาธารณรัฐฟินแลนด์ สหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่ และไอร์แลนด์เหนือ

  • จัดตั้งบริษัทย่อยเพื่อรองรับการขยายตัวทางธุรกิจ ทั้งในและต่างประเทศ อันได้แก่ บริษัท โออิชิ สแน็ค จำกัด ในประเทศไทย Oishi F&B (Singapore) Pte. Ltd. ("OSPL") ในประเทศสิงค์โปร์ และ Oishi Myanmar Limited ("OML") ในประเทศสาธารณรัฐแห่ง สหภาพเมียนมาร์ (ประเทศเมียนมาร์)

    เปิดดำเนินการร้านอาหารชาบูชิ ในเมืองย่างกุ้ง และ เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศเมียนมาร์

    ออกแซนวิชรูปแบบใหม่ "โออิชิ เทรนดี้" 3 รสชาติ ได้แก่ "แฮมไก่ชีส" "ทูน่าซีซาร์สลัด" และ "ปูอัดอลาสก้าไข่กุ้ง" เพื่อจัดจำหน่ายภายในร้านโลตัส เอ็กซ์เพรส

    ออกจำหน่ายผลิตภัณฑ์ใหม่ได้แก่ เครื่องดื่มชาเขียว พร้อมดื่ม "โออิชิ คาบูเซฉะ" ซึ่งเป็นเครื่องดื่มชาเขียว ผลิตจากชาคลุมระดับพรีเมี่ยม เครื่องดื่มชาสมุนไพร พร้อมดื่ม "โออิชิ โอเฮิร์บ" และเครื่องดื่มชาผสมนม รสชาติใหม่ "โออิชิ โตเกียว บานาน่า"

    ในเดือนธันวาคม 2557 โครงการ Cold Aseptic Filling สายการผลิตที่ 3 ที่โรงงานนิคมอุตสาหกรรม นวนคร เริ่มผลิตเพื่อการพาณิชย์

  • ในเดือนมีนาคม โครงการ Cold Aseptic Filling สายการผลิตที่ 2 ที่อำเภอวังม่วง จังหวัดสระบุรี เริ่มผลิตเพื่อการพาณิชย์

    เปิดดำเนินการครัวกลางแห่งใหม่ที่อำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี

    นำชาเขียวผสมผลไม้ "ฟรุตโตะ" กลับมาขายอีกครั้ง พร้อมออกรสชาติใหม่ 3 รสชาติได้แก่ "สตรอเบอรี่ และเมลอน", "เลมอนและเบอรี่" และ "แอ๊ปเปิ้ลเขียวและองุ่นขาว"

    ออกเครื่องดื่มชาเขียวพร้อมดื่มรสชาติใหม่ "ลิ้นจี่"

    ออกแซนวิชรสชาติใหม่ "หมูอบชีส" และเกี๊ยวซ่า รสชาติใหม่ "หมูทาโกะยากิ"

    ได้รับบัตรส่งเสริมการลงทุนเพิ่มอีก 4 โครงการ สำหรับ ที่นิคมอุตสาหกรรมนวนคร และที่อำเภอวังม่วง จังหวัดสระบุรี

  • เปิดตัวผลิตภัณฑ์สาหร่ายทอดกรอบ "โอโนริ"

    ออกเครื่องดื่มชาเขียวแบบกล่อง UHT ลายการ์ตูน "One Piece"

    เปิดให้บริการร้านข้าวหน้าสไตล์ญี่ปุ่น "คาคาชิ"

    ได้รับบัตรส่งเสริมการลงทุนสำหรับโครงการ Cold Aseptic Filling สายการผลิตที่ 2

    ออกผลิตภัณฑ์ชาเขียวขวดแก้วแบบคืนขวด

  • ออกเครื่องดื่มชาเขียวผสมน้ำผลไม้ Fruito

    ออกเครื่องดื่มชาเขียวกระป๋องผสมโซดาเป็นครั้งแรกของประเทศไทย

    เปิดร้านอาหาร Nikuya ยากินิกุ บุฟเฟต์ปิ้งย่างในสไตล์ญี่ปุ่น

  • ออกเครื่องดื่มรสชาติใหม่ Goji Berry

    ซื้อที่ดินเพิ่มเติมที่โรงงานนวนคร ทำให้มีพื้นที่เพิ่มขึ้นเป็น 61.5 ไร่

    ได้รับบัตรส่งเสริมการลงทุนเพิ่มสำหรับสองโครงการคือ Cold Aseptic Filling และ UHT

  • เปิดให้บริการร้านอาหารอุด้งและโซบะ Kazokutei แฟรนไชส์จากประเทศญี่ปุ่น

    ปรับเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ อะมิโน โอเค มาเป็น อะมิโน พลัส โดยปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ทางการตลาดและ จุดขายใหม่ทั้งหมด

  • ออกผลิตภัณฑ์ใหม่กาแฟพร้อมดื่มภายใต้ชื่อ คอฟฟิโอ

    บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) เข้าเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท

  • ออกผลิตภัณฑ์ชาเขียวรสชาดำผสมมะนาว

  • เปิดดำเนินการโรงงานอมตะนคร

  • เริ่มผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มน้ำผลไม้ผสมอะมิโนภายใต้ชื่อ อะมิโน โอเค

  • วันที่ 25 สิงหาคม 2547 นำหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

    เปิดบริการ โออิชิ แกรนด์ แกรนด์บุฟเฟต์ ที่สยามดิสคัฟเวอรี่

  • เปิดดำเนินการครัวกลางแห่งใหม่ที่โรงงานนวนคร หน่วยผลิตอาหารและเครื่องดื่ม เพื่อสนับสนุนการขาย ภายในร้านค้าของบริษัท

    เริ่มการผลิตเครื่องดื่มชาเขียวออกสู่ตลาดภายใต้ชื่อ โออิชิ กรีนที

  • เปิดบริการร้านอาหารระบบสายพานสไตล์บุฟเฟต์ที่บริการทั้งข้าวปั้นหน้าต่างๆ และสุกี้หม้อไฟญี่ปุ่น ภายใต้ชื่อ ชาบูชิ

  • เปิดดำเนินการครัวกลางแห่งใหม่ที่โรงงานนวนคร หน่วยผลิตอาหารและเครื่องดื่ม เพื่อสนับสนุนการขาย ภายในร้านค้าของบริษัท

    เริ่มการผลิตเครื่องดื่มชาเขียวออกสู่ตลาดภายใต้ชื่อ โออิชิ กรีนที

  • เปิดให้บริการร้านบะหมี่ญี่ปุ่นภายใต้ชื่อ โออิชิ ราเมน

  • วันที่ 9 กันยายน 2542 เปิดดำเนินการร้านอาหารญี่ปุ่น โออิชิ