สารจากประธานกรรมการ

ปี 2565 แม้จะเป็นปีที่ท้าทายอย่างมากอีกปีหนึ่ง สถานการณ์ภาวะแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจยังคงมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก ในด้านภาวะเศรษฐกิจนั้นเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวจากการลดลงของผลกระทบจากภาวะการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้ผู้บริโภคเริ่มออกมาจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น อีกทั้งยอดนักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเพิ่มมากขึ้น เป็นปัจจัยผลักดันให้เศรษฐกิจเติบโตได้ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยลบ ที่สร้างแรงกดดันให้กับภาวะเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นผลกระทบจากสภาวะเงินเฟ้อในประเทศจากการปรับตัวขึ้นของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งรวมไปถึงวัตถุดิบสำคัญในการดำเนินธุรกิจของบริษัท ทำให้บริษัทต้องปรับตัวและเตรียมพร้อมเพื่อรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว

แม้ว่าจะเผชิญกับสถานการณ์ที่ท้าทายและการเปลี่ยนแปลงของสภาวะตลาดดังที่กล่าวไป แต่บริษัทได้วางแผนกลยุทธ์และปรับตัวอย่างต่อเนื่อง ทำให้สามารถผลักดันผลประกอบการให้กำไรเติบโตอย่างมีนัยสำคัญจากปีที่ผ่านมา โดยในปีงบประมาณ 2565 บริษัทมีรายได้จากการขายและบริการจำนวน 12,696 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.3% จากปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 1,199 ล้านบาท เติบโตจากปีที่ผ่านมา 120% จากทั้งธุรกิจเครื่องดื่มและอาหาร นอกจากนั้นบริษัทยังรักษาสถานะทางการเงินอย่างมั่นคงและแข็งแกร่ง และจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นจากการคงอันดับเครดิตขององค์กรที่ระดับ A+ จากผลการทบทวนของบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ซึ่งความสำเร็จเหล่านี้ล้วนแล้วแต่มาจากความร่วมมือร่วมใจของกลุ่มผู้บริหารและพนักงานที่ช่วยกันฟันฝ่าอุปสรรคความท้าทายต่าง ๆ จนสามารถสร้างผลการดำเนินงานเป็นที่น่าพอใจ

บริษัทยังคงดำเนินแผนกลยุทธ์ที่ได้วางไว้อย่างต่อเนื่อง โดยธุรกิจเครื่องดื่มยังคงสถานะความเป็นผู้นำ ในตลาดชาพร้อมดื่ม (RTD tea market) ด้วยส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดเป็นอันดับหนึ่งอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังได้รับรางวัล “Thailand’s Most Admired Brand 2022” ซึ่งเป็นรางวัลที่ได้รับติดต่อกันเป็นปีที่ 11 อีกด้วย สะท้อนถึง ตราสินค้าของโออิชิที่แข็งแกร่ง ทรงพลัง และได้รับความเชื่อถือเป็นอันดับหนึ่งมาเกินกว่า 1 ทศวรรษ ในขณะเดียวกัน ธุรกิจเครื่องดื่มในต่างประเทศมีการขยายตลาดไปยังประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคอาเซียนที่มีโอกาสในการเติบโตทางธุรกิจสูงและผู้บริโภคนิยมสินค้าจากประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นราชอาณาจักรกัมพูชา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา เป็นต้น โดยบริษัทเชื่อมั่นว่าด้วยความแข็งแกร่งของตราสินค้าและคุณภาพของสินค้าบริษัท ประกอบกับการทำกิจกรรมการตลาดกับผู้บริโภคและช่องทางการจัดจำหน่าย อย่างต่อเนื่อง จะช่วยให้บริษัทสามารถขยายการเติบโตในตลาดต่างประเทศได้เพิ่มขึ้นต่อไป

สำหรับธุรกิจอาหารบริษัทยังคงเดินหน้าขยายสาขาร้านอาหารอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบรับการกลับมาของกิจกรรมทางเศรษฐกิจหลังผ่านพ้นช่วงการระบาดหนักของไวรัสโควิด-19 โดยเฉพาะการเจาะลึกเข้าไปยังพื้นที่ระดับชุมชนพร้อมกับการทำการส่งเสริมการตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ลูกค้าได้กลับมาใช้บริการที่ร้าน นอกจากนี้ บริษัทยังได้นำเสนอร้านอาหารในรูปแบบใหม่ๆ เพื่อสร้างความหลากหลายและตอบโจทย์พฤติกรรมของผู้บริโภค ที่เปลี่ยนแปลงและมีความซับซ้อนมากขึ้น ในส่วนธุรกิจอาหารพร้อมปรุงและพร้อมทาน บริษัทยังคงเน้นการพัฒนาสินค้า และนวัตกรรมใหม่ ๆ ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่เดิม พร้อมขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น รวมไปถึงหาช่องทางการจัดจำหน่ายเพิ่มเติม และขยายตลาดส่งออกอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนั้น บริษัทมีนโยบายในการประกอบธุรกิจอย่างซื่อตรง และมีความรับผิดชอบต่อสังคม เพื่อส่งมอบอาหารและเครื่องดื่มของบริษัทที่มีคุณภาพ เป็นประโยชน์ และปลอดภัยต่อผู้บริโภค ให้ความสำคัญกับการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างประหยัด และคุ้มค่า และรักษาสิ่งแวดล้อม เพื่อให้บริษัทดำเนินธุรกิจร่วมไปกับพัฒนาสังคมได้อย่างยั่งยืน

สุดท้ายนี้ในนามคณะกรรมการบริษัท ขอเรียนว่าผู้บริหารและพนักงานทุกคนมีความมุ่งมั่นในการปฏิบัติหน้าที่และบริหารงานอย่างดีที่สุด เพื่อนำพาบริษัทให้เจริญเติบโตอย่างยั่งยืน ธำรงรักษาความเป็นผู้นำ ทางการตลาดทั้งธุรกิจเครื่องดื่มและอาหารญี่ปุ่น ภายใต้เครือกลุ่มบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) บนหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี อันจะทำให้บริษัทเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนอย่างแท้จริง รวมถึงดำเนินงานโดยยึดหลักความโปร่งใส สอดคล้องตามหลักธรรมาภิบาล ความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม และขอขอบคุณท่านผู้ถือหุ้นที่ได้ให้ความไว้วางใจและสนับสนุนการดำเนินกิจการของบริษัทด้วยดีเสมอมา

นายประสิทธิ์ โฆวิไลกูล
ประธานกรรมการบริษัท